ในโลกธุรกิจที่มีการแข่งขันสูง การจะนำผลิตภัณฑ์หรือสินค้าใด ๆ เข้าสู่ตลาดจำเป็นต้องรวดเร็ว เพื่อช่วงชิงความได้เปรียบทางธุรกิจ มีคำกล่าวหนึ่งในทางธุรกิจกล่าวไว้ว่า “Amateurs talk strategy. Professionals talk logistics” ซึ่งหมายถึงการเป็นมืออาชีพในทางธุรกิจอย่างแท้จริง ควรมุ่งความสนใจไปที่ระบบการขนส่งหรือระบบการดำเนินงาน ทั้งนี้ขั้นตอนต้นๆ ก่อนถึง Logistic นั้นก็คือขั้นตอนการผลิตส่วนที่เรียกว่าห่วงโซ่อุปทาน (Supply chain) เป็นการเกี่ยวข้องระหว่างบริษัทและคู่ค้าของบริษัทในการผลิตและส่งมอบสินค้า ที่แสดงให้เห็นถึงขั้นตอนของการได้มาซึ่งสินค้าตั้งแต่การจัดหาวัตถุดิบ การผลิต การขนส่ง ไปจนถึงการส่งมอบสินค้าหรือบริการไปยังลูกค้า ดังนั้น บริษัทผู้ผลิตในประเทศอุตสาหกรรมใหม่ ซึ่งส่วนใหญ่แล้วมักจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับเครือข่ายที่มีนวัตกรรมระดับโลก ผู้ผลิตเหล่านั้นไม่เพียงแต่ทำหน้าที่ผลิตและจัดจำหน่ายทางกายภาพเท่านั้น แต่ยังทำหน้าที่ออกแบบ วิจัยและทดลอง อีกทั้งต้องนำเสนอกระบวนการผลิตเพื่อให้ได้ผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ ออกสู่ตลาด ดังนั้นจึงควรศึกษาถึงความสัมพันธ์ระหว่างกลยุทธ์การผลิตของผู้รับจ้างผลิต (OEM) และความคล่องตัวของนวัตกรรมเครือข่าย (การเปลี่ยนแปลงที่สำคัญเพื่อปรับปรุงผลิตภัณฑ์) อีกทั้งไม่มีกลยุทธ์ใดที่เหมาะสมกับผู้รับจ้างผลิตทุกราย แต่สามารถเลือกที่จะเป็นผู้ให้บริการรับจ้างผลิตหรืออาจขายผลิตภัณฑ์ในนามแบรนด์ของตนเอง ทั้งสองกลยุทธ์สามารถเสริมสร้างประสิทธิภาพในแง่ของความคล่องตัวของนวัตกรรม อย่างไรก็ตามเมื่อเลือกกลยุทธ์การผลิตแบบ OEM แล้ว ผู้รับจ้างผลิตควรใช้วิธีที่เหมาะสมในการจัดการกระบวนการสร้างนวัตกรรมผลิตภัณฑ์ของตน ผู้ที่รับจ้างผลิตโดยตรงควรเน้นที่ความยืดหยุ่นในการผลิตและดำเนินกลยุทธ์โมดูลผลิตภัณฑ์เพื่อเพิ่มความคล่องตัวของนวัตกรรมเครือข่าย ในขณะที่การรวมข้ามสายงานเป็นกุญแจสำคัญสำหรับผู้รับผลิตที่ประสบความสำเร็จด้วยผลิตภัณฑ์แบรนด์ของตัวเอง และสำหรับผู้รับจ้างผลิตที่มีแบรนด์เป็นของตัวเอง การวางแนวการตลาดเป็นสิ่งสำคัญสำหรับความคล่องตัวของนวัตกรรมเครือข่าย จึงควรมีการศึกษาเกี่ยวกับการบริหารจัดการและทิศทางการวิจัยในอนาคต และบทความนี้เราจะเน้นถึงส่วนการผลิต ปัจจุบันสินค้าหรือผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ในตลาดจะมี แบรนด์ ต่าง ๆ มากมายระยะเวลาสั้น มีทั้ง แบรนด์ เล็ก ๆ และ แบรนด์ ขนาดใหญ่ที่มีโรงงานผลิตเป็นของตนเอง และไม่มีโรงงานผลิตเป็นของตนเอง ซึ่งแสดงให้เห็นว่าปัจจุบัน ผู้ประกอบการมักเลือกใช้การจ้างผลิตสินค้าแทนการดำเนินการผลิตสินค้าด้วยตนเองเนื่องจาก ผู้ประกอบการสามารถลดต้นทุนในการซื้อเครื่องมือ เครื่องจักรในการผลิต รวมถึงการตั้งโรงงาน และสามารถนำเงินทุนดังกล่าวไปใช้ประโยชน์ในด้านอื่น ๆ เช่น การตลาดและประชาสัมพันธ์ ตลอดจนลดระยะเวลาในการผลิตและได้รับสินค้ามีคุณภาพ เนื่องจากผู้รับจ้างผลิตมีความเชี่ยวชาญในการผลิตสินค้านั้น ๆ อยู่แล้วและมีการผลิตเป็นประจำ และมีความคล่องตัวในการผลิตสินค้า เช่น สามารถเพิ่ม ลด หยุด หรือเปลี่ยนแปลงการผลิตสินค้าได้ตามเงื่อนไขที่ตกลงในสัญญา และสามารถเปลี่ยนกลยุทธ์การขายสินค้าให้ตรงตามความต้องการของตลาดได้อย่างรวดเร็ว
ก่อนเข้าสู่ยุคอุตสาหกรรม ผลิตภัณฑ์ส่วนใหญ่มีชิ้นส่วนจำนวนไม่มากชิ้นเคลื่อนย้ายได้สะดวก ซึ่งทุกส่วนของผลิตภัณฑ์ผลิตภายในองค์กรเท่านั้น แต่ทุกวันนี้ผลิตภัณฑ์มีความซับซ้อนมากขึ้นอย่างนับชิ้นไม่ถ้วนทั้งชิ้นส่วน รถยนต์ คอมพิวเตอร์ เครื่องจักรกลหนัก ทีวี โทรศัพท์มือถือ ทุกอย่างมีส่วนประกอบที่แตกต่างกันนับร้อยนับพันชิ้น แม้แต่บริษัทใหญ่ๆ ก็ไม่พยายามที่จะผลิตทุกอย่างเอง มีการใช้บริการบริษัทอื่น (Outsource) ช่วยในการผลิตสำหรับชิ้นส่วนเฉพาะ และในการทำธุรกิจเป็นที่รู้กันดีว่าการที่จะผลิตสินค้าเพื่อให้ได้ผลิตภัณฑ์ออกมาจำหน่ายหนึ่งชิ้นนั้นจะต้องมีกระบวนการมากมายตั้งแต่การออกแบบสินค้า การผลิต การวางแผนการตลาด ซึ่งในแต่ละกระบวนการต้องอาศัย ทุน ทักษะ ความเชี่ยวชาญ อีกทั้งสินค้าบางอย่างที่วางจำหน่ายในตลาดอาจมาเร็วไปเร็ว จึงมีข้อจำกัดด้านเวลา การได้มาซึ่งสินค้าหรือผลิตภัณฑ์นั้นใช้ต้นทุนสูง โดยเฉพาะอย่างยิ่งธุรกิจที่จำเป็นจะต้องตั้งโรงงานขึ้นมาเพื่อผลิตสินค้าโดยตรง ดังนั้นการจ้างผลิตจึงเป็นตัวช่วยให้เจ้าของแบรนด์สินค้านั้น ๆ สามารถนำทุนและความสามารถที่มีอยู่ ไปใช้ในกิจกรรมที่ให้ผลตอบแทนจากการลงทุนสูงกว่าการตั้งโรงงานผลิต เช่น การทำการวิจัยและพัฒนา (R&D) หรือการออกแบบ (Design) รวมทั้งการดำเนินการด้านการตลาด ดังนั้นการใช้บริการจ้างผลิตจึงถือเป็นอีกทางหนึ่งที่จะช่วยลดต้นทุนในส่วนนี้ และช่วยลดความเสี่ยงในการเรื่องขั้นตอนการผลิต เนื่องจากผู้รับจ้างผลิตมีความรู้ ความเชี่ยวชาญการผลิตอยู่แล้ว ดังนั้นจึงจำเป็นต้องเลือกผู้รับจ้างผลิตให้เหมาะสมกับผลิตภัณฑ์หรือสินค้านั้นๆ และนั่นเป็นที่มาของโรงงานรับจ้างผลิต (Original Equipment Manufacturer) การอุตสาหกรรมสมัยใหม่ถ้าปราศจาก OEM จะเป็นอย่างไร โรงงาน OEM ให้ประโยชน์มากมายที่เราไม่ควรมองข้าม:
ผู้รับจ้างผลิต หมายถึง บริษัท หรือโรงงานที่รับจ้างผลิตสินค้าหรือผลิตภัณฑ์ หรือชิ้นส่วนผลิตภัณฑ์ ตามความต้องการของบริษัทหรือผู้ว่าจ้างหรือ แบรนด์ ต่าง ๆ ทำให้ผู้คนทั่วไปสามารถมีสินค้าเป็นของตนเอง โดยใช้การผลิต การใช้เครื่องจักร การจ้างคนงาน จากทางโรงงาน ซึ่งบริษัทหรือโรงงานรับจ้างผลิตเหล่านี้ส่วนมากจะมีความเชี่ยวชาญด้านการผลิต บางแห่งก็มีความการออกแบบร่วมด้วย ดังนั้นจึงควรทำเข้าใจ ประเภทของผู้รับจ้างผลิต เพื่อที่ผู้จ้างผลิตจะได้ทำความเข้าใจว่าต้องการจ้างผลิตในลักษณะใด
ข้อดีของโรงงาน OEM
ข้อเสียของโรงงาน OEM
2. OEM (Original Equipment Manufacturer)
คือ ผู้รับจ้างผลิตหรือโรงงานรับจ้างผลิตจะมีความสามารถทั้งการผลิตและออกแบบสินค้า กล่าวคือ โรงงานแบบนี้มักจะมีพัฒนาขึ้นมาจากแบบ OEM คือเป็นโรงงานที่มีการทำวิจัยเพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์ หากเป็นการผลิตอาหารเสริม หรือเครื่องสำอาง จะมีการคิดค้น ทำวิจัย เพื่อให้ได้ผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพและมีจุดเด่นต่างจากสินค้าที่มีอยู่เดิม การคิดพัฒนานั้นมีการทดลอง ทดสอบประสิทธิภาพ และได้สูตรที่ลงตัวให้มีมาตรฐานของตัวเอง และความพร้อมในการให้บริการครบวงจร อย่างที่โรงงานรับผลิตอาหารเสริมครบวงจรนิยมทำกัน นั่นก็คือนอกจากผลิตแล้ว มีการรับออกแบบทั้งโลโก้ ฉลากสินค้า รวมทั้งจัดหาบรรจุภัณฑ์ที่เหมาะและสวยงาม เป็นที่ต้องการของตลาด รวมถึงจดทะเบียน อย.กับสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา ครบวงจรเพื่อลูกค้าที่มาใช้บริการผลิตเพื่อสร้างแบรนด์จะได้สะดวก และได้สินค้ารวดเร็ว มีเอกลักษณ์เฉพาะ (Exclusive Design) นั่นเอง หรือ สินค้าที่ไม่มีเอกลักษณ์เฉพาะ (Non exclusive) คือให้สิทธิได้กับหลายรายในราคาค่าออกแบบที่ถูกลงนั่นเอง ดังนั้นการใช้บริการ ODM ต้นทุนค่อนข้างสูงกว่า OEM โดยเฉพาะสินค้าทีมีการผูกขาดแบรนด์
ข้อดีของโรงงาน ODM
ข้อเสียของโรงงาน ODM
คือ โรงงานการผลิตภายใต้รูปแบบและตราสินค้าของตนเอง เหมาะกับแบรนด์ที่มีความมั่นคง และเป็นโรงงานที่พัฒนาได้เต็มที่ เพื่อผลิตสินค้าและจำหน่ายในปริมาณที่มาก โดยมุ่งเน้นผลิตแต่สินค้าที่อยู่ภายใต้แบรนด์ของตัวเองแต่เพียงเท่านั้น ต้นทุนการผลิตสินค้าประเภทนี้อาจไม่เท่ากันในแต่ละล็อต เพราะทางบริษัทสามารถควบคุมราคาทุนของสินค้าได้อย่างอิสระ และสามารถผลิตตามกำลังที่ต้องการในแต่ละล็อตได้ อีกทั้งยังสามารถควบคุมคุณภาพของสินค้าได้ในทุกขั้นตอนการผลิต เพราะสามารถตรวจสอบคุณภาพสินค้าได้ในทุกขั้นตอนและสินค้าจากโรงงานประเภทนี้ก็ยากต่อการเลียนแบบ เนื่องจากมีเพียงแค่ทางบริษัทเท่านั้นที่รู้ขั้นตอนการผลิตนั่นเอง โรงงานที่มีกำลังผลิตสูงประเภทนี้จะเน้นไปที่การขายในปริมาณมากให้สำหรับลูกค้าที่ต้องการรับไปขายต่อ แต่ในขณะเดียวกันหากไม่ได้มีความต้องการสินค้าในปริมาณมาก หรือมีความจำเป็นต้องย้ายถิ่นฐานการผลิตก็เสี่ยงต่อการขาดทุนสูงเลยทีเดียว
ข้อดีของโรงงาน OBM
ข้อเสียของโรงงาน OBM
สำหรับผู้บริโภคแล้ว สินค้าที่มาจากโรงงานทั้งแบบ OEM, ODM และ OBM อาจจะมองไม่เห็นความต่างกันมากนัก แต่สำหรับผู้ประกอบการและเจ้าของแบรนด์นั้น การเลือกประเภทโรงงานสำหรับผลิตสินค้ามีความสำคัญค่อนข้างมาก หากเลือกผิดส่งผลกระทบต่อการทำธุรกิจอย่างแน่นอน ดังนั้นการทำความเข้าใจการผลิตในแต่ละแบบให้เข้าใจอย่างถ่องแท้ก่อนจะเลือกใช้บริการจ้างผลิต การทำความเข้าใจ รู้จักความแตกต่างจะช่วยให้เกิดการตัดสินใจได้อย่างถูกต้องเพื่อให้ตรงตามเป้าหมายทางธุรกิจนั้น ๆ เมื่อเลือกได้แล้วว่าจะใช้บริการจ้างผลิตประเภทไหน สิ่งที่ควรพิจาณาต่อไปคือตัวตนของบริษัทรับจ้างผลิตนั้นๆ
ตัวอย่างสินค้าของ OEM และ ODM เช่น ในอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ ได้แก่ ชิ้นส่วนอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ โทรศัพท์ รถยนต์ ฯลฯ นอกจากนี้ยังมีสินค้าที่ใกล้ตัวเรา เช่น สินค้าแฟชั่น โปรแกรมซอฟต์แวร์ ผลิตภัณฑ์อาหารลดน้ำหนัก เครื่องสำอาง ผลิตภัณฑ์สำหรับสปา ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวหน้า ผลิตภัณฑ์อาหารเสริมบำรุงร่างกาย ผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผม และหนังศรีษะ ผลิตภัณฑ์ดูแลช่องปาก ผลิตภัณฑ์สำหรับเครื่องดื่ม ผลิตภัณฑ์อาหาร เป็นต้น ส่วนตัวอย่างสินค้าประเภท OBเช่น เครื่องฟอกอากาศยี่ห้อ Z มีโรงงานผลิตเอง มีการซื้อเครื่องจักร จ้างคนงาน พนักงาน ทั้งหมด โดยออกค่าใช้จ่ายเอง และทั้งหมด ก็ทำตลาดภายใต้แบรนด์ Z เป็นต้น
บทความนี้จะใช้คำว่า OEM หมายรวมถึงการจ้างผลิตทั้งที่รับจ้างผลิตเพียงอย่างเดียว และที่มีการออกแบบร่วมด้วย
คือมีการลอกเลียนแบบสินค้าได้ง่าย ทำให้สินค้าไม่ต่างจากสินค้าอื่นๆ ในท้องตลาดเนื่องจากผลิตจากต้นแบบเดียวกัน (กรณีที่ไม่ใช้การออกแบบเฉพาะ) และไม่สามารถติดตามควบคุมทุกขั้นตอนของการผลิตด้วยตัวเอง
ในการจ้างผลิตสินค้า โรงงานรับจ้างผลิตหรือ OEM เป็นส่วนสำคัญยิ่งที่ควรจะต้องคำนึงถึงอย่างมาก การเลือกโรงงาน OEM จึงควรพิจารณาอย่างละเอียดถี่ถ้วน อย่างแรกมีที่อยู่ชัดเจน มีรีวิวเยี่ยม ได้รับการรับรองอย่างมีมาตรฐาน การให้บริการดีเยี่ยม สะดวกคล่องตัว ซึ่งมีหลาย ๆ บทความที่ได้เสนอแนะเทคนิคการเลือกโรงงาน OEM ไว้ดังนี้