Last updated: 8 ก.ย. 2565 | 12280 จำนวนผู้เข้าชม |
เมนูที่ใช้มายองเนสเป็นส่วนผสมจะมีทั้งทำเป็นน้ำจิ้มและเป็นส่วนผสมในเมนูหลัก ในส่วนของน้ำจิ้มได้แก่ ซอสทาร์ทาร์ (Tartar sauce) และน้ำจิ้มซีฟู้ดมายองเนส ส่วนอาหารที่เป็นที่นิยมที่ใช้มายองเนสเป็นส่วนประกอบได้แก่ สลัดโคลสลอว์ พาสต้า และแซนวิชไส้ต่าง ๆ เช่น แซนด์วิชหมูหยองมายองเนส แซนด์วิชปูอัดมายองเนส แซนด์วิชไส้กรอกมะเขือเทศ แซนด์วิชแฮมชีส และแซนด์วิชทูน่ามายองเนส ซึ่งส่วนของแซนด์วิชนี้จะมีรายละเอียดเกี่ยวกับราคาต้นทุน การคำนวณกำไรคร่าว ๆ ในช่วงหลังจากสูตรอาหารในช่วงท้าย
ซอสทาร์ทาร์
ซอสนี้มีหลายสูตรด้วยกันแต่ก็สามารถทำได้ง่าย ๆ ด้วยส่วนประกอบเหล่านี้ได้แก่
1.มายองเนส 1 ถ้วย
2.แตงกวาดองสับละเอียด 1 ถ้วย
3.ผักชีฝรั่งสับละเอียด 1 ช้อนโต๊ะ
4.น้ำมะนาว 1 ช้อนชา
5.น้ำตาล 1 ช้อนชา
6.พริกไทยดำบดละเอียด 1/4 ช้อนชา
7.หอมหัวใหญ่สับละเอียด 2 ช้อนโต๊ะ
วิธีการทำ
นำส่วนผสมทุกอย่างใส่ลงในชามผสมแล้วคนให้เข้ากันเป็นอันเสร็จ
ซอสนี้เข้ากันดีกับอาหารชนิดทอดอย่างสเต็กปลาทอดกับเฟรนช์ฟรายส์ และผักทอด แต่ก็สามารถใช้เป็นน้ำจิ้มควบคู่กับอาหารได้หลากหลายชนิดเช่นกัน อย่างเมนูย่างต่าง ๆ ขนมปังกับแซนวิช หรือมันฝรั่งอบ
ตัวอย่างการทำของทอดที่ใช้ทานคู่กับซอสทาร์ทาร์ เช่น สเต็กปลาทอดกับเฟรนช์ฟรายส์ (fish and chips) เมนูนี้เป็นเมนูโปรดปรานกันมากของชาวอังกฤษและมีชื่อเสียงเลื่องลือแพร่หลายกันในหลาย ๆ ประเทศเนื่องจากความอร่อยที่ลงตัวระหว่างปลาไร้กระดูกชุบแป้งทอดกรอบคู่กับเฟรนช์ฟรายส์ทอด ที่มีซอสทาร์ทาร์แสนอร่อยเสิร์ฟมาพร้อมกัน
วัตถุดิบการทำ สเต็กปลาทอดกับเฟรนช์ฟรายส์ (fish and chips)
1.แป้งอเนกประสงค์ 7 ช้อนโต๊ะ
2.แป้งข้าวโพด 7 ช้อนโต๊ะ
3.เบกกิ้งพาวเดอร์ 1 ช้อนชา
4.เกลือ
5.พริกไทยป่น 1 หยิบมือ
6.เบียร์ดำ (dark beer) แบบแช่เย็น 1/3 ถ้วย
7.โซดาแบบแช่เย็น 1/3 ถ้วย
8.ปลาเนื้อขาวไร้กระดูก 4 ชิ้น
9.มันฝรั่งปอกเปลือกแล้ว 1 กิโลกรัม
10.น้ำมันสำหรับทอด 1 ลิตร
วิธีการทำ
1.ตักแป้งแยกไว้ 2 ช้อนโต๊ะ แล้วนำชามใบใหญ่มาผสมแป้งที่เหลือ แป้งข้าวโพด เบกกิ้งพาวเดอร์ที่เตรียมไว้ เกลือและพริกไทยอย่างละหยิบมือเข้าด้วยกัน
2.นำส้อมมาคนให้แป้งเข้ากัน แล้วค่อย ๆ ใส่เบียร์ดำ และโซดาลงไป ผสมให้เข้ากันจนได้เป็นส่วนผสมแป้งที่มีความหนืดกำลังดี จึงพักส่วนผสมแป้งนั้นในตู้เย็น แช่พักไว้ประมาณ 30 นาที ถึง 1 ชั่วโมง
3.ระหว่างนั้นนำมันฝรั่งมาหั่นด้วยรูปทรงสี่เหลี่ยมด้วยความกว้างความยาวตามต้องการ ล้างด้วยน้ำเย็น แล้วพักไว้ที่ตะกร้า
4.นำมันฝรั่งที่หั่นและล้างแล้วมาต้มในน้ำเดือด 3-4 นาที
5.นำขึ้นมาพักให้แห้งบนกระดาษเพื่อซับน้ำ แช่ไว้ในตู้เย็นโดยนำกระดาษซับน้ำมาคลุมปิดไว้
6.นำชิ้นปลาเนื้อขาวไร้กระดูกมาวางตากบนกระดาษซับน้ำ พร้อมโรยด้วยเกลือเล็กน้อย
7.เตรียมทอดมันฝรั่งโดยการให้ความร้อนแก่น้ำมันทอดจนถึงประมาณ 176°C หยิบมันฝรั่งลงไปทอดครั้งละพอประมาณ ทอด 2 นาทีให้ยังคงเป็นสีเหลือง อย่าให้เกิดเป็นสีน้ำตาล แล้วนำมันฝรั่งที่ทอดแล้วขึ้นมาพัก
8.นำแป้งที่เก็บไว้ 2 ช้อนโต๊ะมาใส่ในจาน นำชิ้นปลามาคลุก สะบัดแป้งส่วนที่เหลือ แล้วนำไปคลุกแป้งผสมที่เตรียมไว้ตอนแรก
9.ให้ความร้อนน้ำมันทอดให้อยู่ที่ประมาณ 176°C นำชิ้นปลาที่คลุกแป้งแล้วลงไปทอดประมาณ 8 นาที หรือจนกว่าจะสุก พลิกไทมาจนกว่าจะเป็นสีเหลืองทองทั่วทั้งชิ้น
10.นำชิ้นปลาที่ทอดสุกแล้วขึ้นจากน้ำมัน วางลงบนกระดาษเพื่อดูดซับน้ำมันและโรยเกลือเล็กน้อย
11.เพิ่มความร้อนให้น้ำมันที่ประมาณ 204°C แล้วนำมันฝรั่งที่ทอดแล้ว 1 รอบ ลงไปทอดซ้ำประมาณ 5 นาที ให้ได้สีเหลืองทอง นำขึ้นมาจากน้ำมันแล้วโรยเกลือลงไปเล็กน้อย
12.เสิร์ฟชิ้นปลาทอดกับเฟรนช์ฟรายส์คู่กับซอสทาร์ทาร์ที่ทำรอไว้ เป็นอันเสร็จ
ข้อแนะนำเล็กน้อยสำหรับเมนูนี้
1. ปลาที่ใช้ทอดเมื่อเป็นปลาสดจะได้ความอร่อยสดใหม่ของปลา ปลาสด ๆ ที่นิยมนำมาทำเช่น ปลาค็อด (cod) ปลาพอลล็อค (pollock) และปลาแฮดด็อก (haddock) แต่ถ้าไม่สามารถหาปลาสดได้ ก็สามารถใช้เป็นปลาแช่แข็งได้เช่นกัน แต่ต้องมั่นใจว่าก่อนทอดจะต้องนำไปทำละลายและซับน้ำให้ออกไปจากปลาเสียก่อน
2.ในส่วนของแป้งที่ผสมรอไว้นั้น ถ้าจะให้ดี ก่อนทอดจะต้องเคลือบชิ้นปลาแล้วทอดลงในน้ำมันร้อนจัดทันทีเพื่อที่จะได้ชิ้นปลาทอดที่เนื้อสัมผัสเบากรอบอร่อย
3.สามารถเลือกใช้ผลิตภัณฑ์เฟรนช์ฟรายส์แช่แข็งในการทอดแทนการเริ่มต้นที่ใช้มันฝรั่งทั้งหัว เพื่อลดระยะเวลาการเตรียมมื้ออาหาร ทั้งยังได้รสชาติและเนื้อสัมผัสที่ยังคงความอร่อย
4.ซอสที่ใช้จิ้มนอกจากจะใช้ซอสทาร์ทาร์แล้ว สามารถเลือกใช้เป็นซอสที่เป็น เพียวมายองเนส ซอสกลิ่นเห็ดทรัฟเฟิล มายองเนสรสชีสหรือชีสซี่ดิป ตราชีสโตะ ของเพียวฟู้ดส์ เพื่อทานคู่กับปลาทอดและเฟรนช์ฟรายส์ได้เช่นกัน
1.ทำไมจึงต้องนำชิ้นมันฝรั่งที่หั่นไว้ไปต้มก่อน แล้วการทอดสองครั้งมันสำคัญด้วยหรือ
ตอบ ในการต้มชิ้นมันฝรั่งนั้นทำไปเพื่อให้แน่ใจว่า มันฝรั่งนั้นสุกแน่นอนเมื่อนำไปทอดและเพื่อให้ได้ความนุ่มใน ส่วนการกรอบนอกนั้นเป็นเรื่องของการนำไปทอดสองครั้ง การทอดสองครั้งจะเป็นการทำเพื่อให้มันใจว่าเฟรนช์ฟรายส์ที่ได้จะไม่ชื้นแล้วเหี่ยวไปซะก่อน เนื่องจากการทอดนั้นคือการไล่ความชื้นออกจากอาหารนั่นเอง
2. ทำไมบางครั้งเมื่อทอดแล้วชิ้นปลาและมันฝรั่งที่ได้จึงเหี่ยว
ตอบ อาจเกิดได้หลายกรณี แต่สาเหตุหลัก ๆ ที่หลายครั้งกลายเป็นเหตุที่ทำให้เกิดการเหี่ยวของของทอดก็คือ การทอดในน้ำมันที่ยังไม่ร้อน จะทำให้ต้องทอดนาน แล้วเมื่อทอดนานเกินไปแทนที่ทอดแล้วจะไล่ความชื้น กลายเป็นยิ่งชื้นชุ่มฉ่ำไปด้วยน้ำมันที่ถูกอมเข้าไป ทั้งชิ้นปลาและเฟรนช์ฟรายส์เมื่อทอดเสร็จจึงเหี่ยวในที่สุด ทางที่ดีคือจะต้องคอยตรวจสอบอุณหภูมิน้ำมันให้ร้อนพอเหมาะสำหรับทอด และควรครั้งละพอดีไม่มากเกินไปจนทำให้น้ำมันร้อนไม่ทัน
น้ำจิ้มซีฟู้ดส์มายองเนส
น้ำจิ้มซีฟู้ดส์นั้นแทบจะเป็นของคู่กับอาหารไทย มีหลากหลายสูตรด้วยกัน ซึ่งหนึ่งในนั้นคือสูตรที่ใส่มายองเนส เพื่อเพิ่มเนื้อสัมผัสให้น้ำจิ้มมีรสชาติที่นุ่มนวลแต่ยังคงไว้ด้วยความแซ่บที่เป็นสัญลักษณ์ของน้ำจิ้มซีฟู้ดส์ ส่วนใหญ่แล้วจะถูกนำไปใช้เป็นน้ำจิ้มของสลัดโรล โดยวิธีการทำนั้นเพียงแค่ทำน้ำจิ้มซีฟู้ดส์แล้วเติมมายองเนสไปผสม ซึ่งสูตรน้ำจิ้มซีฟู้ดส์นั้นค่อนข้างหลากหลาย ไม่ได้มีสูตรตายตัว คล้ายกับเป็นสูตรที่สามารถปรับเปลี่ยนได้ตามรสนิยมความชอบของแต่ละบุคคล ซึ่งสูตรที่ได้ยกมาเป็นตัวอย่างนั้นมีสูตรดังนี้
วัตถุดิบ
1.พริกขี้หนู 15 เม็ด (สามารถเพิ่มลดความเผ็ดได้ตามต้องการ)
2.กระเทียมปอกเปลือก 10 กลีบ
3.น้ำปลา 2 ช้อนโต๊ะ
4. น้ำมะนาว 2 ช้อนโต๊ะ
5.น้ำตาล 2-3 ช้อนโต๊ะ
6.เกลือ 1 หยิบมือ
7.รากผักชี 3-4 ราก
8.มายองเนส 4 ช้อนโต๊ะ
วิธีการทำ
1.ปั่นพริกขี้หนู กระเทียม และรากผักชี ด้วยเครื่องปั่นให้ละเอียด
2.ปรุงรสด้วยน้ำปลา น้ำมะนาว น้ำตาล และเกลือ ปั่นให้เข้ากันเพื่อลองชิม หลังจากนี้สามารถปรุงรสด้วยเครื่องปรุงรสแล้วชิมได้ตามใจชอบ
3.เติมมายองเนสลงไปแล้วปั่นให้เข้ากัน
แซนด์วิช
แซนด์วิชเป็นอีกหนึ่งตัวอย่างอาหารที่ไม่ว่าจะใส่เป็นไส้อะไร ก็มักจะเข้ากันได้ดีกับมายองเนสเสมอไม่ว่าจะเป็น หมูหยอง ปูอัด ไส้กรอก แฮมชีส หรือทูน่า สุดท้ายหากมีการประกบควบคู่กับมายองเนสและขนมปังแล้วก็จะกลายเป็นอาหารเลิศรสทันที จะรับประทานเป็นมื้อหลักหรือทานเล่นระหว่างวันก็ได้ ความเป็นมาของอาหารที่มีชื่อว่าแซนด์วิชนี้ไม่ได้มีหลักฐานแน่ชัดสำหรับที่มาที่ไป แต่หลักฐานส่วนใหญ่ชี้ไปที่ประเทศอังกฤษว่าเป็นสถานที่อันเป็นแหล่งกำเนิดของอาหารชนิดนี้ ซึ่งการถือกำเนิดนั้นเริ่มต้นง่าย ๆ จากการที่ชายผู้หนึ่งต้องการรับประทานอาหารโดยไม่อยากลุกจากเก้าอี้ไปไหน ทางครัวจึงได้นำขนมปังมาประกบเข้ากับเนื้อส่งให้เขาได้ทาน เมื่อเวลาผ่านไปก็เริ่มมีการบริโภคกันแพร่หลายมากขึ้นในหลายประเทศ
การจะทำแซนด์วิชนั้นมีองค์ประกอบหลัก ๆ ก็คือส่วนที่เป็นขนมปัง และส่วนที่เป็นไส้ เพราะฉะนั้นหากต้องการให้ได้อรรถรสการรับประทานแบบชาวตะวันตกก็อาจจะต้องลองจับคู่ชนิดขนมปังกับไส้ให้มีความเข้ากันมากขึ้นไปอีก เช่น หากจำแนกเป็นชนิดของไส้แซนด์วิชก็จะได้เป็นดังนี้
แซนด์วิชหมูหยองมายองเนส
ไส้หมูหยองมายองเนสนี้จัดเป็นไส้ชนิดฉ่ำและนุ่ม เนื่องจากมีการผสมผสานระหว่างหมูหยองและน้ำซอสมายองเนส ขนมปังที่เหมาะจะใช้ต้องเป็นขนมปังที่มีความนุ่มอย่างขนมปังขาวหรือขนมปังโฮลวีทเพื่อรองรับความฉ่ำจากซอสมายองเนสให้ผู้บริโภคสามารถรับประทานได้แบบไม่หกเลอะเทอะ เพราะถ้าใช้ขนมปังชนิดแข็งอย่างขนมปังฝรั่งเศส อาจทำให้เมื่อผู้บริโภคทานแล้วไส้แซนด์วิชอาจไหลหล่นเลอะเทอะได้ สำหรับไส้ของแซนด์วิชหมูหยองมายองเนส เป็นดั่งคู่ซี้ที่รสชาติเข้ากันได้อย่างลงตัว เนื่องจากตัวหมูหยองที่รสชาติออกหวานหอม เจอกับซอสมายองเนสที่รสชาติหวานนำอมเปรี้ยวทำให้ไส้หมูหยองมายองเนสเป็นแซนด์วิชไส้โปรดของใครหลาย ๆ คน ตัวซอสมายองเนสที่ใช้คู่กับแซนด์วิชนี้มีสูตรให้ได้ลองทำลองชิมมากมาย หรือก็สามารถหาซื้อได้ อย่าง เพียวมายองเนส ของเพียวฟู้ดส์ ที่สามารถราดบนขนมปังแล้วทาประกบกับหมูหยองเป็นแซนด์วิชหมูหยองมายองเนสได้เลย หรือถ้าอยากให้ได้เป็นแซนด์วิชที่มีความหวานขึ้นมาอีกนิด อาจใช้เป็น สวีทมายองเนส ของเพียวฟู้ดส์ ก็ได้เช่นกัน
ส่วนผสมการทำแซนด์วิชหมูหยองมายองเนส 1 ชิ้น
1.ขนมปัง 2 แผ่น
2.หมูหยอง 2 ช้อนโต๊ะ
3.เพียวมายองเนส หรือสวีทมายองเนส 1 ช้อนโต๊ะ
วิธีการทำ
1.นำขนมปังที่ปิ้งแล้วหรือไม่ต้องปิ้งก็ได้ มาทามายองเนสทั้งสองแผ่น
2.นำมาโรยด้วยหมูหยองให้ทั่ว
3.ประกบขนมปังทั้งสองแผ่นเข้าหากัน หั่นครึ่ง พร้อมเสิร์ฟ
• เมื่อลองตั้งราคาขาย 30 บาท
• จากการคิดคำนวณอย่างง่ายจะได้ กำไร = ราคาขาย - ราคาทุน
เพราะฉะนั้น
กำไร = 30 - 9.54 = 20.46 บาท
• และเมื่อคิดเป็น% จากการคำนวณ %กำไร = (กำไร/ราคาทุน) × 100
เพราะฉะนั้น
%กำไร = (20.46/9.54) × 100 ≈ 214.47%
•จะได้กำไร 20.46 บาทต่อชิ้น หรือก็คือคิดเป็นกำไรประมาณ 214.47%
•หมายเหตุ การคิดคำนวณกำไรนี้เป็นการคิดแบบคร่าว ๆ หากต้องลงรายละเอียดจะต้องดูเรื่อง ค่าแรง ค่าพื้นที่ในการขาย ค่าวัตถุดิบที่อาจมีการลดหรือเพิ่มและค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ด้วย
แซนด์วิชปูอัดมายองเนส
ไส้ปูอัดมายองเนสก็นับว่าเป็นหนึ่งในไส้ยอดนิยมเป็นที่โปรดปรานของคนไทย โดยลักษณะการเลือกชนิดขนมปังก็จะคล้ายกันกับแซนด์วิชหมูหยองมายองเนส ก็คือใช้เป็นขนมปังขาวหรือขนมปังโฮลวีทเพื่อรองรับไส้ที่ชุ่มฉ่ำ นอกจากการเลือกขนมปังแล้วก็มาดูกันที่การเตรียมปูอัด สำหรับปูอัดนี้จะต้องมั่นใจว่ามีความแห้งดีพอที่จะไม่ทำให้ทำให้มีน้ำออกมาจนทำให้เสียรสชาติ โดยการเตรียมปูอัดสามารถทำได้ทั้งแบบฉีกเป็นเส้น ๆ หรือหั่นเป็นชิ้นเล็กแล้วฉีกเป็นเส้นอีกทีก็ได้ นอกจากจะใส่ปูอัดแล้วสามารถเพิ่มส่วนที่เป็นผักเข้าไปเพื่อให้ได้สีสันและคุณค่าทางอาหาร โดยผักที่เข้ากันดีนั้นก็คือแครอท แครอทที่ใช้สามารถหั่นได้หลายรูปแบบโดยเพื่อความเข้ากันของไส้อาจหั่นเป็นชิ้นเล็ก ๆ ได้ ต่อมาเป็นการเลือกใช้มายองเนส มายองเนสสามารถใช้แบบที่ทำเองได้ หรือถ้าต้องการความรวดเร็ว มีความง่ายต่อการคิดคำนวณกำไร ต้นทุน แถมยังได้ความอร่อยก็จะแนะนำเป็น เพียวมายองเนส และสวีทมายองเนส ที่มีความอร่อยกลมกล่อมเข้ากันดีกับการทำเป็นไส้แซนด์วิช
ส่วนผสมการทำแซนด์วิชปูอัดมายองเนส 1 ชิ้น
1.ขนมปัง 2 แผ่น
2.ปูอัดฉีกเป็นเส้น หรือหั่นแล้วฉีกเป็นเส้น 30 กรัม
3.แครอทหั่นเป็นชิ้นเล็ก ๆ พอประมาณ
4.เพียวมายองเนส หรือสวีทมายองเนส ประมาณ 1½ ช้อนโต๊ะ
วิธีการทำ
1.นำเพียวมายองเนส หรือสวีทมายองเนส ปูอัด และแครอทที่หั่นแล้วเรียบร้อยใส่ลงในชาม คลุกเคล้าให้เข้ากัน แล้วลองชิมรสชาติ หากต้องการรสชาติใดเพิ่มก็ให้ปรุงรสชาตินั้นเพิ่มเติม
2.นำขนมปังมาวาง แล้วเทไส้ปูอัดที่ผสมแล้วลงไปทาให้ทั่ว เกลี่ยให้เสมอกัน
3.ประกบขนมปังทั้งสองแผ่นเข้าหากัน หั่นครึ่ง พร้อมเสิร์ฟ
• เมื่อลองตั้งราคาขาย 30 บาท
• และเมื่อคิดเป็น% จากการคำนวณ %กำไร = (กำไร/ราคาทุน) × 100
เพราะฉะนั้น
%กำไร = (11.98/18.02) × 100 ≈ 66.48%
•จะได้กำไร 11.98 บาทต่อชิ้น หรือก็คือคิดเป็นกำไรประมาณ 66.48%
•หมายเหตุ การคิดคำนวณกำไรนี้เป็นการคิดแบบคร่าว ๆ หากต้องลงรายละเอียดจะต้องดูเรื่อง ค่าแรง ค่าพื้นที่ในการขาย ค่าวัตถุดิบที่อาจมีการลดหรือเพิ่มและค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ด้วย
แซนด์วิชไส้กรอกมะเขือเทศ
ไส้กรอกเป็นวัตถุดิบที่นำไปใช้ได้หลากหลายเมนู จึงไม่พลาดที่นำมาใช้เป็นไส้แซนด์วิชด้วยเช่นกัน การหั่นไส้กรอกนั้นสามารถหั่นได้หลายแบบตามความชอบไม่ว่าจะเป็นการหั่นแว่น หั่นเต๋า หรือหั่นเป็นแนวตามยาวก็ได้ และเพื่อเพิ่มความสดชื่นและคุณค่าทางโภชนาการก็จะใส่เป็นมะเขือเทศหั่นเข้าไปด้วย และแน่นอนเมื่อมีมะเขือเทศ ซอสที่ใช้ก็จะต้องมีซอสมะเขือเทศเพิ่มเข้าไปด้วย ส่วนซอสที่ขาดไม่ได้ในการทำแซนด์วิชก็คือ มายองเนสที่เป็นแบบ เพียวมายองเนส หรือถ้าอยากให้มีกลิ่นหอมชีสมาด้วยอย่าง มายองเนสรสชีส หรือชีสซี่ดิป ตราชีสโตะ ของเพียวฟู้ดส์ ก็ได้เช่นกัน เพื่อความสะดวกและคงรสชาติความอร่อยไว้ได้อย่างคงที่
ส่วนผสมการทำแซนด์วิชไส้กรอกมะเขือเทศ 1 ชิ้น
1. ขนมปัง 2 แผ่น
2.ไส้กรอก 35 กรัม
3. ซอสมะเขือเทศ 1 ช้อนชา
4. เพียวมายองเนส มายองเนสรสชีส หรือชีสซี่ดิป ตราชีสโตะ ประมาณ 1½ ช้อนโต๊ะ
5. มะเขือเทศหั่น อาจใส่หรือไม่ใส่ก็ได้
วิธีการทำ
1. นำซอสมะเขือเทศ และเพียวมายองเนส หรือชีสซี่ดิป ตราชีสโตะ มาผสมคลุกเคล้าให้เข้ากัน แล้วลองชิมรสชาติ หากต้องการรสชาติใดเพิ่มก็ให้ปรุงรสชาตินั้นเพิ่มเติม
2.นำขนมปังมาวาง แล้วทาซอสที่ผสมแล้วให้ทั่ว วางไส้กรอก และหากมีมะเขือเทศก็ให้โปะลงไปในขั้นตอนนี้
3. ประกบขนมปังทั้งสองแผ่นเข้าหากัน หั่นครึ่ง พร้อมเสิร์ฟ
• เมื่อลองตั้งราคาขาย 30 บาท
•จากการคิดคำนวณอย่างง่ายจะได้ กำไร = ราคาขาย - ราคาทุน
เพราะฉะนั้น
กำไร = 30 - 14.06 = 15.94 บาท
• และเมื่อคิดเป็น% จากการคำนวณ %กำไร = (กำไร/ราคาทุน) × 100
เพราะฉะนั้น
%กำไร = (15.94/14.06) × 100 ≈ 113.37%
•จะได้กำไร 15.94 บาทต่อชิ้น หรือก็คือคิดเป็นกำไรประมาณ 113.37%
•หมายเหตุ การคิดคำนวณกำไรนี้เป็นการคิดแบบคร่าว ๆ หากต้องลงรายละเอียดจะต้องดูเรื่อง ค่าแรง ค่าพื้นที่ในการขาย ค่าวัตถุดิบที่อาจมีการลดหรือเพิ่มและค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ด้วย
แซนด์วิชแฮมชีส
แซนด์วิชไส้แฮมชีสนี้เป็นที่โปรดปรานกันทั่วไปทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศ ซึ่งมีข้อมูลวิธีการทำและสูตรมากมาย สิ่งที่เหมือนกันคือในแซนด์วิชนี้จะต้องมี แฮม ชีส ขนมปัง และซอสปรุงรสเป็นส่วนประกอบ สิ่งที่ต่างก็คือแต่ละสูตรก็จะใช้ชนิดขนมปังที่ต่างกัน ใช้ชีสที่ต่างกัน และเครื่องปรุงรสที่ต่างกันไปแล้วแต่ความชอบ
ส่วนของขนมปังนั้นสามารถใช้ได้หลายแบบเพื่อให้ได้เป็นแซนด์วิชที่มีเนื้อสัมผัสความรู้สึกที่ต่างกันไปตามเนื้อสัมผัสและรสชาติขนมปังขณะรับประทาน เช่นขนมปังขาว ขนมปังโฮลวีท ขนมปังฝรั่งเศส ซาวโดว์ หรือครัวซองต์ ต่างก็สามารถเข้ากันได้ดีเพื่อการทำแซนด์วิชแฮมชีส
ส่วนที่เป็นชีสนั้นสามารถใช้ได้หลายชนิด ส่วนที่นิยมใช้มักจะเป็น เชดดาชีส (cheddar cheese) เพราะจะให้รสชาติเค็มนิด ๆ ได้เป็นรสชาติที่ตัดกันกับเครื่องปรุงอื่น ๆ เพื่อให้มีความกลมกล่อมมากขึ้น และชีสสวิส (swiss cheese) เป็นชีสที่เราจะเคยเห็นภาพกันบ่อย ๆ เป็นดั่งสัญลักษณ์เมื่อพูดถึงชีส นั้นก็คือชีสที่มีลักษณะเป็นรูโพลงจากก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ที่เกิดจากการบ่มนั่นเอง ชีสสวิสจะเป็นชีสที่ไม่ได้มีรสชาติเด่นชัดเท่าเชดดาชีส แต่จะให้เป็นความมันของชีสแทน ส่วนของไทยนั้นที่ง่ายต่อการหาซื้อก็จะเป็นชีสแปรรูป (process cheese) ที่มีลักษณะเป็นแผ่นบาง ซึ่งก็คือเชดดาชีสที่นำมาปรุงแต่งปรับรสชาติเพิ่มเติมนั่นเอง
ต่อมาส่วนที่เป็นซอสที่ขาดไม่ได้เลยก็คือมายองเนสที่จำเป็นจะต้องมีอยู่ในแซนด์วิชนี้ เช่น เพียวมายองเนส มายองเนสรสชีส หรือชีสซี่ดิป ตราชีสโตะ ของเพียวฟู้ดส์ นอกจากมายองเนสก็อาจเพิ่มเป็นเครื่องปรุงอื่นๆให้มีรสชาติความต่างกันออกไป เช่น มัสตาร์ด พริกไทยป่น เป็นต้น
ส่วนผสมการทำแซนด์วิชแฮมชีส 1 ชิ้น อย่างง่าย
1. ขนมปัง 2 แผ่น
2. แฮมสำเร็จรูปพร้อมทาน 1 แผ่น
3.เชดดาชีส หรือชีสแปรรูป 1 แผ่น
4.เพียวมายองเนส มายองเนสรสชีส หรือชีสซี่ดิป ตราชีสโตะ ประมาณ 1½ ช้อนโต๊ะ
วิธีการทำ
1.นำขนมปังมาวาง แล้วทามายองเนสรสใดก็ได้ที่เตรียมไว้ลงไปให้ทั่วทั้ง 2 แผ่น
2.เมื่อทามายองเนสเสร็จแล้วให้วางชีส และแฮมลงไป
3. ประกบขนมปังทั้งสองแผ่นเข้าหากัน เมื่อเสร็จถึงขั้นนี้อาจนำไปทานหรือขายได้เลย
4. เพื่อความหอมอร่อยมากขึ้นสามารถนำเข้าอบด้วยเครื่องอบแซนด์วิชด้วยเวลาที่ไม่นานเกินไป จากนั้นก็พร้อมเสิร์ฟ
• เมื่อลองตั้งราคาขาย 35 บาท
•จากการคิดคำนวณอย่างง่ายจะได้ กำไร = ราคาขาย - ราคาทุน
เพราะฉะนั้น
กำไร = 35 - 21.79 = 13.21 บาท
• และเมื่อคิดเป็น% จากการคำนวณ %กำไร = (กำไร/ราคาทุน) × 100
เพราะฉะนั้น
%กำไร = (13.21/21.79) × 100 ≈ 60.62%
• จะได้กำไร 13.21 บาทต่อชิ้น หรือก็คือคิดเป็นกำไรประมาณ 60.62%
•หมายเหตุ การคิดคำนวณกำไรนี้เป็นการคิดแบบคร่าว ๆ หากต้องลงรายละเอียดจะต้องดูเรื่อง ค่าแรง ค่าพื้นที่ในการขาย ค่าวัตถุดิบที่อาจมีการลดหรือเพิ่มและค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ด้วย
แซนด์วิชทูน่ามายองเนส
ทูน่ามายองเนสก็เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่กลายมาเป็นไส้ที่สำคัญเมื่อนึกถึงการทำแซนด์วิชเพื่อทานเอง หรือทำเพื่อการขาย การเลือกขนมปังที่ใช้ในการทำจะคล้าย ๆ กับแซนด์วิชหมูหยองมายองเนส และแซนด์วิชปูอัดมายองเนส เพราะเนื้อสัมผัสของไส้นี้จะมีความฉ่ำจากมายองเนสเหมือนกัน เพราะฉะนั้นตัวขนมปังก็จะเลือกใช้เป็นแบบที่นุ่ม ๆ อย่างเช่น ขนมปังขาวหรือขนมปังโฮลวีท จะมีความเหมาะสมกับไส้ที่เป็นสลัดมากกว่าการใช้ขนมปังที่แข็ง
ในการทำไส้แซนด์วิชนี้สิ่งสำคัญที่จะต้องเลือกก็คือ ทูน่ากระป๋องแบบไหนที่จะเหมาะกับการนำมาใช้ทำเป็นสลัดทูน่าเพื่อทำเป็นไส้ของแซนด์วิชทูน่ามายองเนส ซึ่งแต่ละสูตรก็จะใช้ทูน่ากระป๋องต่างชนิดกันตามความชอบของตนเอง เช่น บางสูตรก็จะใช้ทูน่าในน้ำมัน ทูน่าในน้ำเกลือ หรือทูน่าในน้ำแร่
•ทูน่าในน้ำมัน โดยเฉพาะที่เป็นน้ำมันมะกอก ผู้ที่ใช้ก็ได้ให้เหตุผลไว้ว่าจะทำให้ชูเรื่องรสชาติความอร่อยของทูน่าซึ่งการใช้งานอาจมีการรินเอาน้ำมันออกได้หากไม่ชอบความมัน
•ทูน่าในน้ำเกลือ ก็สามารถใช้ได้หากไม่ต้องการความมันที่มากเกินไป แต่ก็ยังได้ความเค็มน้อย ๆ อร่อยมาก ๆ ให้คงอยู่ในชิ้นเนื้อปลา
•ทูน่าในน้ำแร่ เป็นทูน่าที่หลาย ๆ สูตรก็มีใช้ทูน่าชนิดนี้ ซึ่งจะเป็นสูตรที่เน้นเรื่องสุขภาพ เพราะไม่ต้องการทั้งความมัน และความเค็มที่มากเกิน
ส่วนผสมการทำแซนด์วิชทูน่ามายองเนส 1 ชิ้น
1.ขนมปัง 2 แผ่น
2.ทูน่ากระป๋องในน้ำแร่ 77 กรัม
3.เพียวมายองเนส มายองเนสรสชีส หรือชีสซี่ดิป ตราชีสโตะ ประมาณ 1½ ช้อนโต๊ะ
4.เครื่องปรุงอื่น ๆ เช่น เนย มาการีน นมข้นหวาน และผักต่าง ๆ
วิธีการทำ
1.นำมายองเนสรสชาติที่จะใช้มาใส่ชาม ตามด้วยทูน่ากระป๋องที่รินน้ำออกแล้วมาผสมกัน อาจลองชิมเพื่อปรุงรสชาติให้ถูกใจ
2.นำขนมปังมาวางเตรียมไว้ ขั้นนี้อาจทาเนยได้ถ้าต้องการ แล้วนำทูน่ามายองเนสที่ทำเสร็จแล้วมาทาใส่ในขนมปังให้ทั่ว
3.ประกบขนมปังทั้งสองแผ่นเข้าหากัน เมื่อเสร็จถึงขั้นนี้อาจนำไปทานหรือขายได้เลย
4.เพื่อความหอมอร่อยมากขึ้นสามารถนำเข้าอบด้วยเครื่องอบแซนด์วิชด้วยเวลาที่ไม่นานเกินไป จากนั้นก็พร้อมเสิร์ฟ
•เมื่อลองตั้งราคาขาย 35 บาท
•จากการคิดคำนวณอย่างง่ายจะได้ กำไร = ราคาขาย - ราคาทุน
เพราะฉะนั้น
กำไร = 35 - 24.32 = 10.68 บาท
•และเมื่อคิดเป็น% จากการคำนวณ %กำไร = (กำไร/ราคาทุน) × 100
เพราะฉะนั้น
%กำไร = (10.68/24.32) × 100 ≈ 43.91%
• จะได้กำไร 13.21 บาทต่อชิ้น หรือก็คือคิดเป็นกำไรประมาณ 43.91%
• หมายเหตุ การคิดคำนวณกำไรนี้เป็นการคิดแบบคร่าว ๆ หากต้องลงรายละเอียดจะต้องดูเรื่อง ค่าแรง ค่าพื้นที่ในการขาย ค่าวัตถุดิบที่อาจมีการลดหรือเพิ่มและค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ด้วย
จากการลองคิดคำนวณข้างต้นนั้นล้วนเป็นการใช้มายองเนสที่เป็นผลิตภัณฑ์จากเพียวฟู้ดส์ ซึ่งนอกจากจะช่วยลดระยะเวลาในการเตรียมเมนูต่าง ๆ ได้แล้วยังมีราคาและคุณภาพที่ถูกใจอีกด้วย ผลิตภัณฑ์มายองเนสของเพียวฟู้ดส์ เช่น
• ชีสซี่ดิป ตรา ชีสโตะ เหมาะที่จะทานควบคู่กับของทอด หรือจะใส่เป็นไส้แซนด์วิชก็ได้
• เพียวมายองเนส ตราเพียวฟู้ดส์ เหมาะกับการใช้ในเมนูที่หลากหลายไม่ว่าจะเป็นการทานคู่กับของทอดได้ทุกชนิด ใช้ทำเป็นไส้เซนด์วิช ทาโกะยากิ เครป หรือโตเกียว
• สวีทมายองเนส ตราเพียวฟู้ดส์ สำหรับผลิตภัณฑ์นี้จะมีรสชาติออกหวาน เหมาะกับการทำเป็นไส้แซนด์วิช และเบเกอรี่ต่าง ๆ ซึ่งความพิเศษคือเมื่อนำไปอบหรือไปผ่านความร้อนแล้วจะไม่แตกมัน จะยังมีรูปลักษณ์ที่สวยงามและอร่อยอีกด้วย
• มายองเนสรสชีส ตราเพียวฟู้ดส์ สำหรับมายองเนสชนิดนี้จากชื่อก็สามารถรู้ได้เลยว่าจะต้องมีความอร่อยหอมชีสตามชื่อแน่นอน โดยสามารถนำไปใช้ร่วมได้หลายเมนูไม่ว่าจะเป็น ของทอด ไส้แซนด์วิช และที่สำคัญคือเมื่อใส่ในพิซซ่าจะทำให้ได้พิซซ่าที่มีความหอมคลุ้งไปด้วยชีสมากยิ่งขึ้นไปอีก
• ซีเล็คไลท์ มายองเนส ตราชีสโตะ สามารถนำไปใช้ได้หลากหลายเช่นเดียวกัน ทั้งเมนูอาหารคาวหวาน อย่างการนำไปทำไส้แซนด์วิช เบเกอรี่ขนมอบ พิซซ่า ราดบนซูชิ เครป โตเกียว ทานคู่ของทอดหรือสามารถนำไปทาคู่กับสลัดก็ได้
29 ส.ค. 2566
31 ส.ค. 2566
16 ก.ย. 2565