ธุรกิจร้านชาบูยากเกินเอื้อมไหม?

Last updated: 9 พ.ย. 2565  |  16982 จำนวนผู้เข้าชม  | 

ธุรกิจร้านชาบูยากเกินเอื้อมไหม?

ธุรกิจร้านชาบูยากเกินเอื้อมไหม?

 

ถ้าจะเปิดร้านชาบูจะต้องทำอย่างไร

               เป็นที่ทราบดีว่าร้านชาบูเป็นที่ชื่นชอบของผู้บริโภค ด้วยลักษณะอาหารที่ผู้บริโภคได้มีส่วนร่วมในการทำ รสชาติอร่อย จึงเป็นแทรนด์การลงทุนใหม่ที่มีความน่าสนใจ นอกเหนือจากวัตถุดิบที่คัดสรรมาอย่างดีทั้งสดและใหม่แล้ว เสน่ห์อีกอย่างของร้านชาบูอยู่ที่เป็นการรวมกลุ่มเพื่อน ญาติพี่น้อง มานั่งกินพร้อมกัน เป็นสีสันแห่งการรับประทานอาหาร เป็นลักษณะการกินอาหารก่อให้เกิดมิตรภาพในหมู่เพื่อนฝูง นับเป็นกิจกรรมกระชับมิตร สร้างสัมพันธ์ในครอบครัว นอกจากนี้อาหารประเภทนี้โดยรวมมีแคลอรี่ต่ำ มีประโยชน์ต่อร่างกาย ทำให้มีแนวโน้มการเติบโตของร้านชาบูเพิ่มขึ้นอย่างมากทั้งร้านขนาดใหญ่ และบรรดาผู้ค้ารายย่อย ธุรกิจร้านชาบูแม้เป็นธุรกิจที่น่าสนใจและลูกค้าก็มีจำนวนมากแต่การเข้ามาทำธุรกิจร้านชาบูแล้วประสบความสำเร็จเป็นร้านชาบูที่มีคุณภาพ ลูกค้าติดใจนั้นต้องมีเทคนิคที่ดีตั้งแต่เริ่มต้น ซึ่งในที่นี้จะเสนอแนวทาง ข้อคิด ข้อควรรู้เบื้องต้นก่อนการทำการเปิดร้านชาบู ทั้งการเปิดร้านชาบูหม้อไฟและชาบูเสียบไม้ ดังนั้นบทความนี้จะเสนอเป็นข้อมูลให้ได้รู้แนวทางก่อนการตัดสินใจเปิดร้านดังนี้

1.สำรวจความพร้อมตัวเองในด้านเงินทุน

               คำถามคือต้องมีเงินลงทุนเท่าไหร่สำหรับเปิดร้านชาบู การเปิดร้านขายชาบู มีทั้งที่ดำเนินการเองทั้งหมด และการซื้อ แฟรนไชส์ ซึ่งต้องมีเงินลงทุนสูงพอสมควร โดยคร่าวๆ ไม่คิดรวมค่าเช่าสถานที่และค่าก่อสร้าง คิดเฉพาะอุปกรณ์ต่างๆ สำหรับการเปิดร้านเบื้องต้นประมาณ 100,000 บาท สำหรับเป็นร้านที่มีที่นั่งประมาณ 10 โต๊ะ เมื่อกล่าวถึงค่าอาคารสถานที่ ราคาค่าเช่าหรือซื้อสถานที่จะขึ้นกับทำเลที่ทำให้เงินลงทุนต่างกัน อย่างเช่นการเช่าสถานที่ในห้างสรรพสินค้าจะแพงกว่าการเช่าร้านทั่วไป 10,000 บาทขึ้นไปจนถึงหลายหมื่น

               ซึ่งหากรวมเบ็ดเสร็จทุกอย่างเข้าด้วยกันแล้วการเปิดร้านชาบูใช้ต้นทุนที่เยอะมาก ส่วนหนึ่งคือวัตถุดิบที่ต้องมีการคัดสรรอย่างดีไม่ว่าจะเป็นเนื้อวัว เนื้อหมู ซีฟู้ด ผักสด และยิ่งหากอยู่ในทำเลที่ดีก็จะมีค่าเช่าที่แพงขึ้นอีกด้วย ดังนั้นร้านชาบูแม้เป็นธุรกิจที่ดีคนให้ความนิยมแต่ควรถามตัวเองก่อนว่าพร้อมจะลงทุนในธุรกิจนี้มากน้อยแค่ไหน แนะนำว่าวิธีการที่ทำให้เริ่มต้นได้ง่ายขึ้นคือการร่วมหุ้นกันเปิดร้านหรือการซื้อแฟรนไชส์

2. การกำหนดกลุ่มเป้าหมาย

               การกำหนดกลุ่มเป้าหมายจะเป็นตัวบ่งชี้ถึงทำเลที่ตั้ง วัตถุดิบ ขนาดร้าน ราคา และอื่นๆ อย่างเช่น กลุ่มเป้าหมายคือกลุ่มวัยรุ่น เด็กมัธยม นักศึกษา  ร้านไม่ใหญ่ แต่จัดโต๊ะได้หลายแบบ ราคาไม่แพงมาก หากกลุ่มเป้าหมายคือกลุ่มคนทำงานบริษัท มีกำลังซื้อมากกว่าวัยรุ่น ร้านใหญ่ขึ้นมาหน่อย มีโต๊ะใหญ่สำหรับกินเลี้ยงสังสรรค์ได้ ราคาแพงขึ้นมาหน่อย หากกลุ่มเป้าหมายคือกลุ่มครอบครัว มากันหลายคนทั้งผู้ใหญ่และเด็ก ทำเลอยู่ในชุมชน ร้านต้องมีที่นั่งต่อโต๊ะเยอะ ราคาปานกลาง เป็นต้น

3. จัดหาทำเลที่ตั้ง

               การหาทำเลของร้านจะต้องเป็นไปตามกลุ่มเป้าหมายที่ตั้งไว้ อย่างเช่น กลุ่มวัยรุ่น เด็กมัธยม นักศึกษา ทำเลจะต้องใกล้กับสถานศึกษา หากกลุ่มเป้าหมายคือกลุ่มคนทำงานบริษัท ทำเลควรใกล้กับสำนักงาน หากกลุ่มเป้าหมายคือกลุ่มครอบครัว มากันหลายคนทั้งผู้ใหญ่และเด็ก ทำเลควรอยู่ในชุมชนร้านต้องมีที่นั่งต่อโต๊ะเยอะ เป็นต้น

                 โดยสรุปทำเลที่ตั้งร้านชาบูควรอยู่ในทำเลที่ลูกค้ากลุ่มใหญ่เข้าถึงได้ง่าย เช่นเปิดในแหล่งชุมชนใกล้ที่พัก ใกล้สถานศึกษา สถานที่ราชการ ย่านโรงงาน เป็นต้น ไม่ควรคิดเปิดร้านชาบูในพื้นที่คนไม่ค่อยนิยมผ่านแม้ค่าเช่าจะถูกกว่าแต่ความเสี่ยงก็สูง บางครั้งเราต้องยอมเสี่ยงค่าเช่าที่แพงเพื่อแลกกับปริมาณลูกค้าที่มากขึ้น และต้นทุนค่าเช่าที่ก็เป็นตัวแปรสำคัญที่บ่งบอกว่าร้านเราจะมีกำไรได้มากน้อยแค่ไหน การหาทำเลนอกจากสอดคล้องกับกลุ่มเป้าหมายแล้ว ควรเป็นทำเลที่บรรยากาศดีสำหรับนั่งในร้าน ที่จอดรถเพียงพอ และเดินทางความสะดวก เหล่านี้ควรจะต้องคำนึงถึงด้วย

4.กำหนดรูปแบบของร้านและจดทะเบียนให้ถูกต้อง

              เปิดร้านชาบูควรกำหนดรูปแบบร้านที่เหมาะสมกับเงินทุนที่ตัวเองมี และกลุ่มเป้าหมายจะชี้นำว่าร้านควรจะมีขนาดใหญ่หรือเล็กแค่ไหน มีกี่โต๊ะ โต๊ะยาวหรือโต๊ะเล็ก มีกี่ที่นั่ง ต้องเป็นโซฟาหรือเก้าอี้ นั่งสบายแค่ไหน เฟอร์นิเจอร์มาจากวัสดุอะไร และให้สอดคล้องกับการจดทะเบียนได้อย่างถูกต้องเรียบร้อย โดยสามารถยื่นจดทะเบียนพาณิชย์ได้ที่สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง สำนักการคลัง กรุงเทพมหานคร หรือสำนักงานเขตทุกแห่ง ซึ่งการเปิดร้านอาหารนั้น มีการจดทะเบียน 2 ประเภทคือ นิติบุคคล และบุคคลธรรมดา

5.หาซื้ออุปกรณ์เปิดร้านที่จำเป็น

               ร้านชาบูมีเอกลักษณ์เฉพาะ อุปกรณ์ที่ใช้ก็เป็นเฉพาะอย่าง อุปกรณ์สำคัญสำหรับการเปิดร้านชาบู ได้แก่ เตาแม่เหล็กไฟฟ้าแบบปรับอุณหภูมิได้ หม้อน้ำซุปแบบ 2 ช่อง เครื่องสไลด์เนื้อ ตู้แช่สำหรับเก็บเนื้อและวัตถุดิบต่างๆ ชุดโต๊ะ เก้าอี้ ถาด ถ้วย กระบวย กระชอน เป็นต้น โดยสินค้าเหล่านี้หาซื้อได้ตามห้างสรรพสินค้าหรือร้านที่จำหน่ายอุปกรณ์เกี่ยวกับร้านอาหารซึ่งมีให้เลือกเป็นจำนวนมาก สำหรับการเปิดร้านใหม่แนะนำว่าให้ซื้ออุปกรณ์ที่จำเป็นมาก่อนแล้วค่อยซื้อเพิ่มเติมอย่างอื่นในภายหลัง
              โดยที่จำนวนของอุปกรณ์จำพวกหม้อต้มชาบู เตาแก๊ส กระบวย ทัพพี จาน ช้อน ตะเกียบ ทิชชู่ ควรเตรียมให้เกินจำนวนโต๊ะที่ร้านมี เผื่อไว้ให้เพียงพอกับจำนวนลูกค้า จะต้องซื้อไว้ให้พอดี อย่าเยอะเกินไปเพราะเปลืองงบ แต่อย่าน้อยเกินไป ปัจจุบันมีร้านขายอุปกรณ์ชาบูโดยเฉพาะสามารถขอคำแนะนำร้านได้และเลือกเกรดที่จะใช้ อาจจะซื้อเป็นโหลเพื่อให้ราคาถูกลงได้อีก

               ค่าอุปกรณ์สำหรับการเปิดร้านชาบูขนาด 10 โต๊ะ โดยประมาณดังนี้

- ค่าโต๊ะและเก้าอี้ ไม่ต่ำกว่า 60,000 บาท

- เตาแม่เหล็กไฟฟ้า เตาละประมาณ 2,000 บาท 10 เตา = 20,000 บาท

- หม้อน้ำซุปแบบแบ่งช่อง ประมาณหม้อละ 400 -600 บาท 10 ชุด = 4,000 -6,000 บาท

- เครื่องสไลด์เนื้อ ประมาณ 20,000 บาท

- ตู้แช่สำหรับเก็บวัตถุดิบ ราคาขึ้นอยู่กับขนาดของตู้ 30,000 -50,000 บาท

-  ภาชนะสำหรับใส่วัตถุดิบ จาน ถาด ถ้วยน้ำจิ้ม และภาชนะสำหรับลูกค้า กระบวย กระชอน ทัพพี ถ้วย ชุดช้อน-ส้อม ตะเกียบ อีกทั้งอุปกรณ์อื่นๆ เพื่ออำนวยความสะดวก ต้องจัดเผื่อไว้เกินกว่า 10 โต๊ะ เพื่อใช้หมุนเวียนให้เพียงพอในแต่ละรอบ 20,000 -30,000 บาท

6.สร้างจุดเด่นของร้านให้น่าสนใจ

               ร้านชาบูจะอยู่ได้นานหรือไม่นั้นส่วนหนึ่งขึ้นอยู่กับจุดเด่นของร้านที่ต้องเด่นและแตกต่างจากคู่แข่งที่มีจำนวนมาก  ซึ่งนั้นหมายถึงคุณภาพของวัตถุดิบ การบริการ และสิ่งที่ขาดไม่ได้คือน้ำจิ้ม ที่ควรเป็นเอกลักษณ์ของร้าน แม้ว่าน้ำจิ้มส่วนใหญ่หาซื้อได้ตามห้างสรรพสินค้าแต่หากต้องการให้ร้านชาบูนั้นน่าสนใจควรมีสูตรน้ำจิ้มเฉพาะของตัวเองให้ลูกค้าได้กินแล้วติดใจ รวมไปถึงมาตรฐานในเรื่องอื่นๆ ที่ต้องเอาใจใส่ลูกค้าเพื่อให้เกิดความประทับใจอย่างสูงสุด

7.รู้จักการควบคุมต้นทุนเพื่อให้มีกำไร

การบริหารต้นทุนเป็นเรื่องสำคัญอีกอย่างหนึ่งผู้ประกอบการใหม่ๆ อาจจะคิดไม่ถึง เราจะต้องคำนึงถึงเงินหมุนเวียนที่จะทำให้กิจการไม่สะดุด ดังนั้นไม่ควรสิ้นเปลืองทุนโดยใช่เหตุ จะต้องมีการใช้จ่ายที่เหมาะสมไม่ฟุ่มเฟือย อย่างเช่นไม่ควรซื้อวัสดุอุปกรณ์มาเกินพอดีเป็นต้น เพราะฉะนั้นการบริหารเงินจึงเป็นเรื่องสำคัญที่จะทำให้กิจการอยู่ได้นานซึ่งมีสูตรคำนวณง่ายๆ ดังนี้

ต้นทุนอาหาร ควรอยู่ที่ 25- 35 เปอร์เซ็นต์

ต้นทุนด้านแรงงาน ควรอยู่ที่ 15 -25 เปอร์เซ็นต์

ต้นทุนคงที่ เช่น ค่าเช่า เงินเดือนพนักงาน ควรอยู่ที่ 15 -20 เปอร์เซ็นต์

ต้นทุนผันแปร ควรอยู่ที่ 10 -15 เปอร์เซ็นต์

               นั่นหมายถึงหากตั้งเป้ายอดขายไว้วันละ 20,000 บาท ต้นทุนอาหารไม่ควรเกิน 7,000 บาท และต้นทุนแรงงานไม่ควรเกิน 5,000 บาท เป็นต้น

8. รู้จักการต่อยอดธุรกิจให้เติบโต

               การเปิดร้านชาบูที่เริ่มจากร้านขนาดเล็ก ข้อแนะนำคือเราควรรู้จักการใช้กำไรมาต่อยอดธุรกิจให้โตขึ้น โดยการขยายขนาดร้านให้ใหญ่ขึ้น ทั้งนี้ไม่ควรรีบร้อนขยายร้านหากเงินทุนในการขยายร้านยังไม่มากพอ และควรดูแนวโน้มของลูกค้าที่มีเพื่อป้องกันความเสี่ยงเบื้องต้น หรือในกรณีที่มีการขยายสาขาสิ่งสำคัญคือต้องสามารถควบคุมคุณภาพของอาหารให้เหมือนกันได้ทุกสาขา รวมถึงต้องมีระบบการจัดส่งวัตถุดิบที่มีคุณภาพด้วย
               การลงทุนเปิดร้านชาบูถือว่ามีต้นทุนที่ควรข้างสูงแต่ก็มีโอกาสทำกำไรได้มาก เพราะยังเป็นที่ต้องการของลูกค้าจำนวนมาก สำหรับคนที่กำลังมองการลงทุนในธุรกิจแนวนี้หากยังไม่มั่นใจว่าจะเปิดร้านได้เอง และเกรงว่าต้นทุนจะบานปลายหรือคิดว่าตัวเองยังไม่มีประสบการณ์มากพออีกหนึ่งวิธีที่น่าสนใจคือการลงทุนกับแฟรนไชส์ ปัจจุบันแฟรนไชส์ในลักษณะนี้ให้เลือกจำนวนมาก และเป็นอีกหนึ่งแนวทางการลงทุนที่ลดความเสี่ยงได้เป็นอย่างดีด้วย

 ลักษณะการขายของร้านชาบูและการกำหนดราคา

การกำหนดราคาขึ้นอยู่กับรูปแบบการขายดังนี้

1. ขายอาหารวัตถุดิบเป็นจาน คิดเงินตามสั่ง

แบบสั่งทีละรายการเป็นจานๆ ไป เช่น หมูสไลด์ ผักบุ้ง เห็ดเข็มทอง เป็นต้น คิดราคาเป็นจานละ ลูกค้าเลือกได้ชอบอันไหนสั่งอันนั้น ไม่ชอบก็ไม่ต้องสั่ง เช่น กลุ่มวัยรุ่นไม่ชอบกินผัก เน้นกินเนื้อก็สั่งแต่เนื้อ ไม่มีของเสียหลงเหลือ มีแต่ได้กันทั้งสองฝ่าย

 2. ขายเป็นชุด

การขายเป็นชุดจะจัดง่าย คิดเงินสะดวก แบบชุดก็ควรมีหลายขนาดเพื่อผู้บริโภคหลายระดับ เช่น ชุดใหญ่ ชุดกลางกลาง ชุดเล็ก โดยแต่ละชุดอาจจะต่างกันแค่ปริมาณเมนูเนื้อ ในขณะที่เมนูผักมีน้ำหนักเท่ากันทุกเซต หรือชุดใหญ่อาจจะแถมเครื่องดื่ม ชุดกลางแถมเครื่อง เป็นต้น ราคาไหนลูกค้าน่าจะสั่งเยอะที่สุดและได้กำไรมากที่สุด ดังนั้นการบริหารและการตลาดจึงเป็นสิ่งสำคัญที่ควรเรียนรู้ การกำหนดราคาอาจจะราคาชุดเล็ก 100-200 บาท ราคาชุดกลาง 201-400 บาท ราคาชุดใหญ่ 401-600 บาท เป็นต้น

3. ขายแบบบุฟเฟ่ต์ ราคาต่อหัว

สำหรับการขาบแบบบุฟเฟต์จะมีแบบไม่จำกัดเวลาหรือจำกัดเวลาเพื่อรับลูกค้าใหม่ การจำกัดเวลาเหมาะกับร้านเล็กที่ต้องมีการหมุนเวียนลูกค้าให้ได้มากที่สุดต่อวัน หากลูกค้านั่งนานทำรอบได้ไม่ถึงอาจไม่คุ้มกับราคาวัตถุดิบที่นำมาทำอาหาร ราคาบุฟเฟต์มีทั้งรวมเครื่องดื่มแล้วหรือยังไม่รวม ส่วนราคาเครื่องดื่มนั้นเป็นแบบรีฟิวหรือสั่งทีละแก้ว เป็นต้น

4. ขายชุด เดลิเวอร์รี่

เป็นการบริการขายที่ส่งถึงบ้านเพื่อความสะดวกต่อลูกค้าที่ไม่สะดวกไปกินที่ร้าน ซึ่งการขายแบบนี้อาจจะเป็นชุด หรือหรือเป็นจาน แต่การขายเป็นชุดจะสะดวกกว่า และอาจะมีการสั่งเพิ่มพิเศษเป็นจาน
               การขายแต่ละรูปแบบจะเป็นตัวกำหนดราคาขาย โดยราคาขายควรเป็นราคาที่สมเหตุสมผลกับกลุ่มเป้าหมาย วัตถุดิบ และการบริการ หาจุดคุ้มทุนที่ร้านอยู่ได้และลูกค้าเต็มใจจ่าย ควรควบคุมวัตถุดิบ การบริการ ภาพลักษณ์ของร้านให้ดีอยู่เสมอ เพื่อให้ลูกค้ามาแล้วประทับใจกลับไปและกลับมาใช้บริการอีก

 

สิ่งที่ต้องระวังและควรให้ความสำคัญ เพื่อให้ธุรกิจชาบูอยู่รอด

             ร้านชาบูถือเป็นหนึ่งในธุรกิจร้านอาหารที่มีความยุ่งยากค่อนข้างมาก ต้องรับมือกับหลายสิ่งที่คาดเดาได้ยาก การบริหารภายในร้านที่ต้องอาศัยการสังเกต คิด วิเคราะห์ และหาแนวทางแก้ไขอยู่เสมอ ผู้ประกอบการต้องรู้จักปรับตัวให้เข้ากับสภาพแวดล้อม การจะเปิดร้านอาหารบางครั้งแค่ฝีมืออย่างเดียวคงไม่พอเพราะนี่คือการทำธุรกิจ ร้านอาหารในรูปแบบบุฟเฟ่ต์มากขึ้น ราคาต่อหัวเป็นแรงดึงดูดความสนใจ มีอาหารหลากหลายชนิดให้เลือกสรร ร้านชาบูเป็นธุรกิจยอดนิยมอันดับต้นๆ ที่มีทั้งรายเล็กรายใหญ่เข้ามาจับจองส่วนแบ่งทางการตลาด เช่นเดียวกับธุรกิจอื่นที่หลายร้านต้องปิดตัวลงแต่ก็มีร้านใหม่เกิดขึ้นเรื่อยๆ สำหรับมือใหม่มาดูกันว่าควรทำอย่างไรให้ร้านอยู่ในตลาดได้นานเท่านาน

1.รสชาติและคุณภาพของอาหาร

รสชาติที่อร่อยทำให้เกิดความประทับใจ จุดเด่นที่แตกต่างกันของร้านชาบูอยู่ที่น้ำจิ้มและน้ำซุป อาหารต้องคัดสรรเลือกใช้จากแหล่งที่มีความสดและสะอาด มีความหลากหลายให้เลือกเยอะพอประมาณ ลูกค้ามักจะมีความคาดหวังอยู่เสมอที่จะได้รู้สึกว่าคุณภาพที่ได้รับคุ้มเกินราคาที่จ่ายไป

2.บริหารต้นทุนวัตถุดิบ

               เป็นจุดที่ควรระวังอย่างมากสำหรับร้านชาบูประเภทบุฟเฟ่ต์ ต้นทุนวัตถุดิบที่มีความแปรผันมากสร้างความหนักใจแก่ผู้ประกอบการได้พอสมควร การลดคุณภาพของวัตถุดิบเป็นสิ่งที่ไม่ควรทำ แต่ควรให้ความสำคัญกับเรื่องของซัพพลายเออร์ที่สามารถตอบโจทย์ในเรื่องของราคา จัดหาปริมาณวัตถุดิบได้เพียงพอต่อความต้องการของร้าน

3.จัดการเรื่องอาหาร เพื่อลดการสูญเสีย

               ในมุมมองของลูกค้าที่เข้ามาทานอาหารคือความคุ้มทั้งปริมาณและราคาที่จ่าย ต้องทานให้ถึงที่สุดเพื่อไม่ให้รู้สึกขาดทุนและนั่นเป็นความท้าทายของเรื่องที่ร้านชาบูที่คือปริมาณอาหารที่ต้องสูญเสียในแต่ละวัน รวมกันกลายเป็นปริมาณที่เยอะจนน่าตกใจในแต่ละเดือนเพราะนั่นคือจำนวนเงินที่หายไป ซึ่งผู้ประกอบการต้องเข้าใจในส่วนนี้ ต้องลองพิจารณาว่าอาหารชนิดใดที่ไม่ค่อยมีใครสั่งและหากมีต้นทุนสูงด้วยก็ควรตัดออกไปจากเมนู ชิ้นส่วนต่างๆที่ไม่ได้รับความนิยมสามารถนำมาดัดแปลงเป็นเมนูใหม่ได้หรือไม่ จะต้องพยายามใช้ทุกส่วนไม่ใช่ว่าใช้แค่บางส่วนแล้วทิ้งที่เหลือไปอย่างน่าเสียดาย นอกจากนี้ควรสังเกตว่าเมนูหรือวัตถุดิบชนิดไหนที่ได้รับความนิยมน้อย อาจจะสามารถตัดออกไปได้ เป็นการลดต้นทุน

4.ทำการตลาดอย่างต่อเนื่อง

              ปัจจุบันการสื่อสารสะดวกดังนั้นการค้าขายมีทั้งออนไลน์และออฟไลน์ การตลาดในส่วนของออฟไลน์เริ่มจากการประชาสัมพันธ์ให้ลูกค้าบริเวณนั้นรับรู้ว่ามีร้านชาบูของเราตั้งอยู่ตรงนี้ จุดขายคืออะไรต้องนำเสนอให้ชัดเจน มีอะไรดีอะไรน่าลองต้องใส่ให้เต็มที่ อาจจะมีสโลแกนที่ง่ายต่อการจดจำและทำให้เกิดความน่าสนใจ การตลาดทางออนไลน์ก็ต้องมีไม่ว่าจะเป็น Facebook, Line, Application และ Website เพื่อแจ้งข่าวสารต่างๆ เช่น โปรโมชั่น เมนูใหม่น่าลอง ส่วนลดต่างๆ อีกสิ่งที่ขาดไม่ได้คือ การรีวิวทั้งลูกค้าจริง เพื่อให้เกิดการบอกต่อ แชร์ต่อบนโลกออนไลน์ ชาบูควรมีการใช้บริการทำประชาสัมพันธ์ออนไลน์ร้านอาหารด้วย

5.เมนูหลากหลายและความคิดสร้างสรรค์

               เมนูอาหารที่เยอะตระการตาเป็นแรงดึงดูดชั้นดีในการเรียกลูกค้า เช่น ส่วนของเนื้อสัตว์ต้องมีให้เลือกหลายชนิดและหลายชิ้นส่วน น้ำจิ้มและน้ำซุปก็ควรมีอย่างน้อย 2 อย่าง อยากให้เป็นที่จดจำควรใส่ไอเดียใหม่ๆ ที่ต่างจากร้านชาบูทั่วไป แล้วนำเสนอให้เป็นจุดขายของร้าน

6.จำนวนลูกค้า เวลา และพื้นที่

             สำหรับร้านชาบูที่เป็นแบบบุฟเฟ่ต์จะมีเรื่องของเวลาที่จำกัด แต่ก็มีบางร้านที่ไม่กำหนดเวลาในการรับประทาน ดังนั้นพื้นที่ร้านต้องมีบริเวณมากพอที่จะรองรับจำนวนลูกค้า ร้านที่มีขนาดเล็กจะเสียเปรียบในส่วนนี้ เรียกได้ว่าทุกตารางเมตรต้องใช้อย่างคุ้มค่า การวางแปลนของโต๊ะและเก้าอี้จึงมีความสำคัญ ยิ่งทำรอบได้เยอะรายได้ต่อหัวก็จะเยอะตามไปด้วย นอกจากนี้ควรมีบริเวณที่ใช้จอดรถได้พอประมาณด้วย

7.การบริการ

นอกจากอาหารอร่อยแล้วการบริการที่ดียังช่วยสร้างความประทับใจ ทำให้เกิดความรู้สึกว่าอยากกลับมาใช้บริการอีก แม้จะเป็นรูปแบบบุฟเฟ่ต์แต่การบริการที่รวดเร็วและการเอาใจใส่ของพนักงานยังคงเป็นสิ่งที่ลูกค้าต้องการเสมอ

ชาบูเสียบไม้

               ร้านชาบูเสียบไม้เป็นอีกรูปแบบของร้านชาบูที่นอกเหนือจากร้านชาบูบุฟเฟ่ ซึ่งจะใช้ต้นทุนน้อยกว่า ร้านชาบูเสียบไม้เข้าถึงลูกค้าได้ง่าย เนื่องจากวัตถุดิบที่จะนำมาทำเป็นชาบูเสียบไม้มีความหลากหลาย แถมราคาไม่แพงอีกด้วย เป็นทางเลือกที่ดีสำหรับลูกค้าที่ชอบกินชาบูแต่อยากซื้อกลับไปกินที่บ้าน หรือแม้กระทั่งสั่งแบบ Delivery การจะเปิดธุรกิจชาบูเสียบไม้มีสิ่งที่จะต้องคำนึงคล้ายๆ กับร้านชาบูบุฟเฟ่ แต่ร้านชาบูเสียไม้จะเน้นในเรื่องของวัตุดิบที่มีความhttps://www.purefoodsshopping.com/ามารถเข้าถึงความต้องการของลูกค้าได้หลากหลายสไตล์ ทำให้ลูกค้ารู้สึกไม่เบื่อที่จะกินชาบูเสียบไม้แล้ว ทำเลก็เป็นส่วนหนึ่งของการทำธุรกิจให้ได้ดี ทำเลการตั้งร้านชาบูเสียบไม้ควรเป็นแหล่งชุมชน หรือบริเวณที่มีคนผ่านเยอะๆ เช่น เปิดร้านขายที่ตลาด ใกล้สถานศึกษา และใกล้คนที่ทำงาน ที่สำคัญอีกอย่างคือการดูแลเรื่องต้นทุนจะต้องจัดสรรงบให้คลอบคลุมทั้งวัตถุดิบ ค่าแรงงานพนักงาน อุปกรณ์ในการทำชาบู จนไปถึงการหมุนเสียนเงินค่าใช้จ่ายที่จำเป็น และสุดท้ายต้องมีสูตรในการทำน้ำซุปชาบู หรือซอสน้ำซุปชาบู พร้อมทั้งน้ำจิ้มที่หลากหลาย อร่อย และเป็นเอกลักษณ์เฉพาะของร้าน เพียวเรามีน้ำซุปชาบูอร่อย น้ำจิ้มรสชาติเด็ด ก็สามารถเข้าถึงและดึงดูดลูกค้าได้ บวกกับความหลากหลายของวัตถุดิบ จะทำให้ลูกค้าไม่รู้สึกจำเจที่จะเลือกกลับมากินร้านอีกและอาจจะมีการบอกปากต่อปากเป็นการประชาสัมพันธ์ร้านไปในตัวด้วย

ข้อมูลเบื้องต้นสำหรับการเปิดร้านขายชาบูเสียบไม้ที่ต้องคำนึงถึง

ความหลากหลาย เลือกวัตถุดิบให้มีความหลากหลาย ครอบคลุมความต้องการกลุ่มลูกค้าทุกกลุ่ม ทุกเพศ ทุกวัย

2. ทำเลขาย เลือกทำเลขายที่เหมาะสม ทำเลที่ดีสามารถสร้างกำไรได้มากกว่าวันละ 500 บาท เน้นขายตามตลาดนัด ย่านชุมชน หน้าโรงเรียนหรือหน้ามหาวิทยาลัย เป็นต้น

3. ควบคุมต้นทุน จัดสรรงบการลงทุนให้ครอบคลุม ทั้งต้นทุนวัตถุดิบ อุปกรณ์ ค่าแรงพนักงาน ตลอดจนเงินหมุนเวียนที่จำเป็นต้องใช้ในร้าน

4. มีสูตรน้ำซุป หลักการขายชาบูหัวใจสำคัญนอกจากความหลากหลายแล้ว น้ำซุปก็มีความสำคัญเช่นกัน น้ำซุปที่นิยม เช่น ซุปดำ ซุปใส ซุปต้มยำ เป็นต้น

               ตัวอย่างของวัตถุดิบชาบูเสียบไม้ ที่ขายดีเช่น เบคอนพันเห็ดเข็มทอง ปลาหมึกกรอบ ปูอัด หมูสามชั้น เต้าหูปลา ลูกชิ้นสาหร่าย ไส้กรอกไก่ กุ้ง แฮม เนื้อไก่ ลูกชิ้นหมู / ลูกชิ้นเอ็นหมู / ลูกชิ้นปลา ปลาหมึก ผักชนิดต่างๆ เช่น เห็ดออริจิน เห็ดเข็มทอง ผักกวางตุ้ง ผักกาดขาว คะน้า เป็นต้น

               สำหรับอุปกรณ์ขายชาบูเสียบไม้ ได้แก่ หม้อสตูว์ หม้อสต็อกทรงสูง ถาดสแตนเลส ถ้วยกระดาษ ตะเกียบไม้ โต๊ะวางของ อุปกรณ์ไม้เสียบสําหรับใช้ทําบาร์บีคิว/ชาบูเสียบไม้ อุปกรณ์อื่นๆ เช่น ถุงพลาสติก ที่คีบอาหาร กระกร้าเล็กสำหรับให้ลูกค้าเลือกอาหารใส่ เป็นต้น โดยมีค่าอุปกรณ์โดยประมาณดังนี้

- หม้อสตูว์ หม้อสต็อกทรงสูง ราคาประมาณ 300-500 บาท

- ถาดสแตนเลส ราคาประมาณ 100-300 บาท

- ถ้วยกระดาษ ราคาประมาณ 50-100 บาท/แพ็ค

- ตะเกียบไม้ ราคาประมาณ 20 บาท/แพ็ค

- โต๊ะวางของ ราคาประมาณ 500-1,000 บาท

- อุปกรณ์สำหรับเสียบไม้เสียบราคาประมาณ 50 บาท (มีหรือไม่ก็ได้)

- อุปกรณ์อื่นๆ เช่น ถุงพลาสติก ที่คีบอาหาร กระตร้าเล็กสำหรับให้ลูกค้าเลือกอาหารใส่ เป็นต้น งบประมาณไม่เกิน 500 บาท

แหล่งซื้อวัตถุดิบสำหรับขายชาบูเสียบไม้

1.ตลาด สามารถซื้อได้จากตลาดสดขายสินค้าราคาส่ง ซึ่งจะมีขายทั้งเนื้อสัตว์และผักชนิดต่างๆ เหมาะสำหรับคนที่ซื้อเพื่อนำไปผลิตชาบูเสียบไม้เอง ข้อดีของการเดินตลาดสดคือเราสามารถเลือกซื้อสินค้าได้หลากหลาย ต่อรองราคาได้

2. ร้านขายส่งชาบูเสียบไม้ออนไลน์ ปัจจุบันมีร้านที่ขายส่งชาบูเสียบไม้แบบสำเร็จรูปพร้อมขาย ข้อดีคือไม่ต้องเสียเวลามานั่งเสียบไม้เอง แต่สิ่งที่ต้องคำนึงถึงคือความสดใหม่ สะอาด ถูกหลักอนามัย ควรเลือกร้านที่น่าเชื่อถือ ทำสดใหม่ทุกวัน

              นอกจากนี้การกำหนดราคาชาบูเสียบไม้ก็มีความสำคัญ ควรตั้งราคาที่เหมาะสม เช่น ชาบูไม้ละ10บาทหรือชาบูไม้ละ 20 บาท เป็นต้น ทั้งนี้ต้องดูให้เหมาะสมกับปริมาณและทำเล

              น้ำจิ้มชาบูต้องเน้นความจัดจ้านกำลังดี หากไม่มีสูตรของตนเองก็สามารถซื้อจากร้านที่ผลิตน้ำจิ้มชาบูขายโดยตรง โดย ทดลองสั่งซื้อมาชิมดูก่อนว่าถูกปากหรือไม่ และลองให้คนอื่นๆชิมดูด้วย เพื่อขอคำแนะนำ ก่อนตัดสินใจซื้อ สำหรับสูตรน้ำซุป ผู้ประกอบการสามารถศึกษาวิธีการทําน้ำซุปสูตรต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น น้ำซุปใส ซุปดำ ซุปต้มยำ เป็นต้น โดยสามารถเรียนรู้ได้จากช่องทางออนไลน์แบบฟรี หรือจะลงทุนไปเรียนการทำน้ำซุป หรืออีกทางเลือกหนึ่งคือเลือกใช้น้ำซุปสำเร็จรูปตราเพียวฟูดส์ซึ่งมีให้เลือกหลายรสชาติ ไม่ว่าจะเป็นชาบูแบบไหน การประชาสัมพันธ์เป็นสิ่งที่จะต้องทำเพื่อเพิ่มช่องทางขาย ทั้งผ่านทางสื่อโซเชียล ทั้ง Facebook, Line เป็นต้น เพื่อใช้เป็นช่องทางแจ้งข่าวสาร แจ้งโปรโมชั่น หรือรับออเดอร์ล่วงหน้าจากลูกค้า เป็นการเข้าถึงกลุ่มลูกค้าในวงกว้าง

 ชาบูเสียบไม้จุดเด่นอยู่ที่ความหลากหลายของวัตถุดิบที่มีให้เลือก การที่จะลงทุนชาบูเสียบไม้นั้นจะต้องใช้เงินลงทุนประมาณ 5000 -10000 บาท เพื่อที่จะเปิดธุรกิจร้านชาบูเสียบไม้ ส่วนใหญ่คนที่ขายชาบูเสียบไม้มีกำไรต่อวันมากกว่า 500 -1000 บาท ซึ่งก็จะมีความเกี่ยวข้องกับทำเลที่ตั้ง รวมถึงพวกรสชาติน้ำซุป ความหลากหลายของวัตถุดิบ และการบริการในการขาย ที่ต้องมีความเป็นกันเอง ยิ้มแย้ม พูดจาสุภาพ บริการด้วยความเต็มใจ

เคล็ดลับการกินชาบูแบบสไตล์ญี่ปุ่น

              การกินชาบูให้อร่อยถูกวิธีให้เหมือนกินชาบูแบบสไตล์ญี่ปุ่น มีขั้นตอนการกินง่ายๆ ให้ทุกคนได้รู้สามารถนำวิธีที่เราแนะนำไปทำตามกันได้เลย

                ขั้นตอนแรก คือ ตั้งหม้อชาบู ใส่น้ำซุปแล้วรอให้น้ำซุปเดือดจากนั้น ใส่ผักสดตามใจชอบ จากนั้นต้มผักทิ้งไว้สักครู่จนผักเริ่มเปื่อย เป็นการเพิ่มรสชาติของน้ำซุปให้หวาน เข้มข้นขึ้น ทำให้เราสามารถทานผักได้ง่ายและอร่อยเข้ากับน้ำซุปได้ดี

                ขั้นตอนที่สอง คือ การใส่เนื้อสัตว์ลงไปในหม้อชาบู คือขั้นตอนหลัก การจุ่มเนื้อสัตว์ต่างๆ ต้องคีบเนื้อสัตว์ชิ้นบางๆลงไปจุ่มทีละ 1 ชิ้น แล้วจุ่มลงไปในหม้อที่เดือด ประมาณ 15 วินาที ขึ้นอยู่กับขนาดความหนาบาง และความสุกของเนื้อสัตว์ เพื่อที่จะได้ลิ้มรสสัมผัสความอร่อย นุ่ม หอมหวาน จากเนื้อสัตว์ได้อย่างแท้จริง แล้วนำเนื้อสัตว์ที่สุกตามใจชอบไปจุ่มลงในน้ำจิ้มชาบูจากนั้นก็รับประทาน

               ขั้นตอนที่สาม คือ การเลือกน้ำจิ้มรสเด็ดซึ่งน้ำจิ้มแต่ละสูตร ก็มีรสชาติ สไตล์ ที่อร่อยแตกต่างกัน ในท้องตลาดมีหลากหลาย เช่น น้ำจิ้มงา น้ำจิ้มพอนสึ น้ำจิ้มชาบู น้ำจิ้มซีฟู้ด และน้ำจิ้มแจ่ว แต่น้ำจิ้มหลักในการกินชาบูก็คือ น้ำจิ้มงา น้ำจิ้มชาบูสไตล์ญี่ปุ่น ซึ่งทั้ง 2 รสชาตินี้มีความอร่อยที่ไม่เหมือนกัน เคล็ดลับความอร่อยอีกอย่างสำหรับคนที่ชื่นชอบลองอะไรใหม่ๆ ก็คือ หลังจากที่นำเนื้อสัตว์ที่สุกแล้วไปจิ้มในน้ำจิ้ม จากนั้นก็นำไปจุ่มลงในไข่ดิบแล้วทานได้ทันที

               ขั้นตอนที่สี่ คือ การที่ได้ซดน้ำซุปจากหม้อชาบู เป็นสิ่งที่หลายๆคนชื่นชอบซึ่งน้ำซุปแต่ละรสชาติจะให้ความอร่อยที่ไม่เหมือนกัน หลากหลายสไตล์ สิ่งที่ไม่ควรพลาดในการกินชาบูก็คือได้ตักน้ำซุปร้อนๆ แล้วซดน้ำซุปด้วยความอร่อย จะทำให้ทานชาบูได้อย่างลื่นไหล นอกจากนี้ยังช่วยไม่ให้เกิดการเลี่ยนเมื่อได้กินเนื้อสัตว์

              ขั้นตอนที่ห้า คือ ลองกินข้าวต้มหลังจากกินชาบูเสร็จ อยากแนะนำให้ทุกคนได้ลองกินข้าวต้มชาบู เพราะในตอนที่ต้มเนื้อสัตว์และผักลงไปจะทำให้น้ำซุปเหลือน้อยลง ทำให้ให้รสชาติของน้ำซุปมีความเข้มข้นมากขึ้น จึงอยากแนะการนำ โดยใส่ข้าวสวยลงไปในหม้อชาบู แล้วใส่ไข่ผสมให้เข้ากันปรุงรสด้วยน้ำจิ้มชาบู โรยต้นหอมลงไปก็จะได้ลองกินข้าวต้มชาบู ด้วยการกินชาบูแบบต้นตำหรับสไตล์ญี่ปุ่นอย่างแท้จริง

ชาบูทำกินเองที่บ้าน

              ไม่มีเงินเปิดร้านชาบูแต่อยากฟินกับครอบครัวก็สามารถทำเองได้ที่บ้านได้ เดี๋ยวนี้สามารถทำชาบูกินที่บ้านได้ไม่วุ่นวาย หรือว่ากินกับเพื่อนๆ ที่หอ ก็สามารถทำได้ อย่างที่รู้ว่าวัตถุดิบในการทำชาบูนั้นไม่ได้มีอะไรมากมาย เพียงแค่มีน้ำซุป เนื้อสัตว์สไลซ์บางๆ ผัก และน้ำจิ้ม ก็เท่านั้น มีขั้นตอนการทำง่ายๆ เพียง 3 ขั้นตอนง่ายๆ คือ ทำน้ำซุป ต้นผักและจุ่มเนื้อสไลด์ จากนั้นนำไปจิ้มน้ำจิ้มรับประทาน

1.การทำน้ำซุปชาบู

เมื่อพูดถึงน้ำซุปปัจจุบันไม่จำเป็นต้องคิดสูตรหรือมานั่งเคี่ยวน้ำซุปเอง เพราะโลกนี้อำนวยความสะดวกสบายสามารถที่จะหาซอสน้ำซุปอร่อยๆ สำร็จรูปได้ตามท้องตลาดและซุปเปอร์มาร์เก็ตทั่วไป พร้อมทั้งมีหลากหลายรสชาติให้ได้เลือกหลายแบรนด์ โดยเฉพาะแบรนด์เพียวฟู้ด ซึ่งมีน้ำซอสน้ำซุปที่มีรสชาติเข้มข้น หอมกลมกล่อม อร่อยถูกปากคนไทยเช่น ซอสชาบูน้ำดำ ซอสทงคัตสึ ซอสหมาล่า เป็นต้น เพียงง่ายๆแค่ถุงเดียว เริ่มต้นโดยเทน้ำเปล่าลงไปในหม้อก่อนแล้วรอน้ำเดือด จากนั้นใส่ซอสน้ำซุปตราเพียวฟู้ดส์ที่เลือกไว้เพียงหนึ่งถุง ก็จะได้น้ำซุปที่กลมกล่อมโดยที่ไม่ต้องปรุงรสเพิ่ม

2. ใส่ผักและเนื้อสไลด์

นำผักสดที่เตรีมไว้ใส่ลงไปในหม้อชาบู พร้อมด้วยเครื่องเคียงต่างๆ พวกลูกชิ้น ปูอัด ต้มไปสักระยะให้ผักเปื่อยจากนั้นตามด้วยเนื้อสัตว์ที่หั่นสไลซ์ชิ้นบางแบบโดยการคีบทีละนิดแกว่งในน้ำเดือดรอจนสุกแล้วหยิบขึ้นมากินทันที

3. จัดเสิร์ฟพร้อมน้ำจิ้ม

น้ำจิ้มชาบูลงไปในถ้วยเพื่อเตรียมไว้จิ้มกับพวกวัตถุดิบที่ต้มอยู่ในหม้อชาบู จากนั้นเพียงแค่คีบผัก เนื้อสัตว์ที่สุกมาจิ้มกับน้ำจิ้มรสเด็ดก็จะได้กินชาบู น้ำจิ้มมาจากไหน น้ำจิ้มชาบูมีหลายสูตรแตกต่างกันออกไปขึ้นอยู่กับส่วนผสมและรสชาติ น้ำจิ้มชาบูที่คนส่วนใหญ่ไปกินชาบูแล้วต้องกิน คือ น้ำจิ้มงา น้ำจิ้มพอนสึ และน้ำจิ้มชาบู แต่ละสูตรจะมีรสชาติที่แตกต่างกันออกไป น้ำจิ้มสำเร็จรูปที่มีรสชาติอร่อยและหาได้ตามตลาดที่ได้รับความนิยมต้องยกให้ตราเพียวฟูดส์ ซึ่งหลายชนิดเช่น น้ำจิ้มชาบู สูตรงาคั่วสไตล์ญี่ปุ่น ตราเพียวฟู้ดส์ เป็นต้น

เพียวฟู้ดส์กับชาบู

ซอสน้ำซุปชาบูสำเร็จรูป เหมาะสำหรับหลายๆคนที่ชื่นชอบกินชาบู แต่ไม่อยากไปนั่งทานที่ร้านทำที่บ้านง่ายๆ สะดวก ประหยัด เพียงแค่มีซอสน้ำซุปสำเร็จรูปแค่ถุงเดียวก็สามารถกินชาบูได้อย่างมีความสุข จึงอยากแนะนำซอสน้ำซุปชาบูของเพียวฟู้ดส์ ที่มีหลากหลายรสชาติ หลากหลายสไตล์ที่แตกต่างกันออกไป แต่ก็ยังคงความหอมอร่อย ใครที่ชอบซดน้ำซุปเวลากินชาบูต้องไม่พลาดแล้ว ซอสซุปน้ำซุปชาบูที่จะแนะนำมีทั้งหมด 6 สูตร มาดูกันว่าแต่ละสูตรจะมีรสชาติอย่างไรกันบ้าง

1. น้ำซุปชาบูเข้มข้น น้ำดำ สูตรดั้งเดิม ตราเพียวฟู้ดส์ เป็นน้ำซุปชาบูที่ขายดีอันดับ 1 เลยก็ว่าได้ หอมเข้ม มีส่วนผสมจากปลาแห้งญี่ปุ่นและซอสถั่วเหลืองจากญี่ปุ่น เพียงแค่ผสมซอส 1-2 ถ้วยตวง กับน้ำเปล่า 1.5 ลิตร ก็จะได้น้ำซุปแสนอร่อย มีรสชาติกลมกล่อม อร่อยเข้มข้น สามารถใช้ทำชาบู สุกี้ หม้อไฟ เหมาะสำหรับแม่บ้านยุคใหม่ ทำง่ายๆ เพียงแค่นำซอสชาบูสุกี้สไตล์ญี่ปุ่นผสมน้ำ แล้วเติมเนื้อสัตว์ ผักสด ลงไปในหม้อชาบู จะได้กินชาบูสไตล์ญี่ปุ่นสุดแสนอร่อย


2. ซอสสำเร็จรูปเข้มข้น น้ำซุปสไตล์ชาบูทงคัตสึ ตราเพียวฟู้ดส์ มีกลิ่นหอมของกระดูกหมู เข้มข้น วัตถุดิบจากญี่ปุ่นแท้ๆ ความเป็นเอกลักษณ์ของทงคัตสึ นั่นก็คือ น้ำซุปที่ได้จากการเคี่ยวกระดูกหมูจนมีสีขาวข้น ถ้าเป็นซอสน้ำซุปขนาด 1,000 กรัม อัตราส่วนในการใช้ซอสที่แนะนำ คือ ควรใช้ซอส 100 กรัม ต่อน้ำ 1,000 มิลลิลิตร

3. ซอสน้ำซุปหมาล่า ตราเพียวฟู้ดส์ มีความหอมพริกหมาล่า รสชาติเผ็ดร้อนถึงเครื่องเทศจีน สไตล์ไชน่า เหมาะสำหรับทำน้ำซุปชาบู หมัก ย่าง ทา ทำน้ำจิ้ม หรือแม้กระทั่งทำเป็นซอสทาปิ้งย่างได้ นำซอสหมาล่า ตราเพียวฟู้ดส์นำไปใส่ในหม้อชาบูที่เตรียมไว้ ใส่น้ำลงไปในหม้อ รอให้เดือด ถ้าเดือดแล้วก็ใส่เนื้อสัตว์และผักสดลงไปตามชอบได้เลย เพียงขั้นตอนที่ง่าย สะดวก ประหยัด ก็ทำให้เราได้ลิ้มรสชาติที่เผ็ดร้อน อร่อยคุ้มค่า

4. ซุปชาบูเข้มข้น รสสไปซี่ สไตล์เกาหลี ตราเพียวฟู้ดส์ หอมเข้มซุปชาบูสไปซี่ เผ็ดแซ่บสไตล์เกาหลี รสชาติที่เข้มข้น อร่อยคุ้มค่า เหมาะสำหรับทำน้ำซุปชาบู หมูกระทะ ปิ้งย่าง รสชาติความอร่อย แซ่บ เผ็ด โดยไม่ต้องปรุงเพิ่ม ครบภายในถุงเดียว ใครที่เป็นสายเผ็ดซี๊ด ต้องซื้อมาลองกัน รับรองไม่ผิดหวังแน่นอน

5. ชาบูน้ำดำ กลิ่นกระดูกหมูเห็ดหอม ตราเพียวฟู้ดส์ มีรสชาติเข้มข้นของชาบูน้ำดำหอมกลิ่นกระดูกหมูเห็ดหอม สามารถใช้ทำชาบู สุกี้ ได้ง่ายๆที่บ้าน หรือผู้ที่ประกอบธุรกิจร้านชาบู ก็สามารถนำไปประกอบอาหารได้ เพียงแค่นำชาบูน้ำดำ กลิ่นกระดูกหมูเห็ดหอม ตราเพียวฟู้ดส์ ผสมกับน้ำเปล่าในอัตราส่วน 1:10 แล้วเทลงในหม้อชาบู ก็จะได้น้ำซุปชาบูที่อร่อย หอม เข้มข้น เหมือนได้ไปนั่งทานที่ร้าน

น้ำจิ้มชาบู ตามต้นตำหรับคือ น้ำจิ้มงา กับน้ำจิ้มพอนสึ

1.น้ำจิ้มชาบู รสงาคั่วสไตล์ญี่ปุ่น

น้ำจิ้มชาบูของเพียวฟู้ดส์สูตรนี้จะมีรสชาติที่หวานกลมกล่อม มีกลิ่นหอมของงาคั่วบด เป็นผลิตภัณฑ์ที่ทำจากวัตถุดิบพรีเมี่ยม ซึ่งเป็นเอกลักษณ์สไตล์ญี่ปุ่นแท้ สามารถนำมาทานคู่กับอาหารได้หลากหลายเมนู โดยเฉพาะทานคู่กับชาบู น้ำจิ้มชาบูสูตรนี้เด็กสามารถทานได้รสชาติที่แปลกใหม่ถูกปากคนไทย ซึ่งน้ำจิ้มชาบู สูตรงาคั่ว สามารถเก็บในอุณหภูมิห้องได้นานถึง 6 เดือน

2. น้ำจิ้มพอนสึ

คือ น้ำจิ้มสไตล์ญี่ปุ่นที่มีรสชาติเปรี้ยวเป็นหลัก ตามด้วยรสชาติหวานกลมกล่อม ซึ่งรสเปรี้ยวมาจากส่วนผสมของมะนาว หรือส้มยูซุ ผสมกับน้ำส้มสายชูเพื่อทำให้น้ำจิ้มสามารถเก็บรักษาได้นาน เนื่องจากไม่มีส่วนผสมของน้ำมันเลย และยังสามารถนำพริกสด กระเทียมสับ ใส่ลงไปน้ำจิ้มเพื่อเพิ่มความอร่อยมากยิ่งขึ้น

3. น้ำจิ้มชาบู สไตล์ญี่ปุ่น

ของแบรนด์เพียวฟู้ดส์ คือ มีรสชาติหวานเค็ม หอมเข้มข้น กลมกล่อม สไตล์ญี่ปุ่น วัตถุดิบแท้คัดสรรมาเป็นอย่างดี เหมาะสำหรับคนที่ชื่นชอบทำและชอบทานชาบู เพียงแค่นำหมูชาบูที่สุกแล้วจุ่มน้ำจิ้มชาบู สไตล์ญี่ปุ่น ตราเพียวฟู้ดส์ ก็จะทำได้ลิ้มรสความอร่อยที่เข้ากันอย่างลงตัว สามารถเก็บในอุณหภูมิห้องได้นานถึง 6 เดือน

 เมื่อเราทราบแล้วว่าซอสน้ำซุปชาบูสำเร็จรูปและน้ำจิ้มชาบูที่อร่อย สะดวก หาง่าย ต้องตราเพียวฟู้ดส์เท่านั้น ดังนั้นเราสามารถทำกินเองได้ที่บ้านโดยไม่ต้องไปนั่งทานที่ร้าน สามารถช่วยประหยัดเงิน ประหยัดเวลา และยังเป็นทางเลือกใหม่ของคนที่ชื่นชอบการกินชาบู แต่ไม่อยากออกจากบ้าน ผู้ประกอบการที่อยากเปิดร้านชาบูยังเลือกไม่ได้ว่าจะใช้น้ำซุป หรือน้ำจิ้มชาบู แบบไหนที่จะดึงดูดลูกค้าให้เข้ามากินเยอะๆ ตราเพียวฟูดส์เป็นหนึ่งตัวเลือกที่น่าสนใจเป็นอย่างมาก

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้