Last updated: 9 ธ.ค. 2565 | 16236 จำนวนผู้เข้าชม |
สำหรับประวัติการปิ้งย่างนั้น มีเรื่องเล่าเกี่ยวกับปิ้งย่างว่าเดิมเกิดในสนามรบสมัยมองโกล ระหว่างการพักศึกสงครามทหารเกิดอาการหิวแต่ไม่มีอุปกรณ์ในการประกอบอาหารเลยนำหมวกที่มีลักษณะเป็นเหล็กที่มีชื่อว่า “Mongol Ancient Military Hat” มาใช้เป็นที่ย่างแทนกระทะโดยเชื่อว่าเนื้อที่ย่างสมัยนั้นเป็นเนื้อแกะ ต่อมาจึงมีกระทะปิ้งย่างที่มีรูปทรงคล้ายหมวกดังกล่าวสำหรับเมนูปิ้งย่าง
ปิ้งย่างเกาหลีหรือพลูโกกิ ที่แปลว่า เนื้อย่างบาร์บีคิว มาจากการรวมคำของคำว่า พลู ที่แปลว่า ไฟ และ โกกิ ที่แปลว่า เนื้อสัตว์ เป็นอาหารพื้นบ้านของคนเกาหลีเวลารับประทานก็นำเนื้อสัตว์ไปหมักด้วยซอสเกาหลี จากนั้นก็นำไปย่างมักจะทานคู่กับข้าว กิมจิ ผักกาดหอม พริกสด กระเทียมและซัมจัง จุดเด่นที่สำคัญของปิ้งย่างเกาหลีก็คือการที่อาศัยเน้นรสชาติที่มาจากการหมักเนื้อสัตว์ให้เข้าเนื้อมีรสชาติที่อร่อย
ปิ้งย่างประเทศไทย การปิ้งย่างเนื้อสัตว์หรือที่รู้จักในคำว่าหมูกระทะหรือหมูย่างเกาหลี มีต้นกำเนิดที่ไม่แน่ชัด บ้างว่ามาจากประเทศเกาหลี บ้างก็ว่ามาจากประเทศญี่ปุ่น หมูกระทะถือว่าเป็นเมนูยอดฮิตที่หลายๆ คนต่างถูกอกถูกใจ เนื่องจากมีรสชาติที่อร่อย ราคาถูก โดยแต่ละร้านจะมีสูตรเด็ดอยู่ที่รสชาติของการหมักเนื้อ และน้ำจิ้มที่แตกต่างกันออกไป เอกลักษณ์ของการกินหมูกระทะนั้น มีการทำผลสำรวจออกมาว่าการกินหมูกระทะที่ใช้กระทะเตาถ่านจะมีรสชาติอร่อยและมีกลิ่นย่างในเนื้อสัตว์มากกว่าการกินโดยใช้เตาไฟฟ้าหรือเตาแก๊ส เคล็ดลับการเพิ่มความอร่อยให้กับหมูย่างเกาหลีหรือหมูกระทะ คือซอสหมักควรเลือกซื้อซอสสำหรับการหมักให้ดี และใช้เวลาหมักอย่างน้อย 1-2 ชม หรือ 1 คืน แต่สำหรับแม่บ้านรุ่นใหม่คนไหนที่ไม่ค่อยมีเวลา ชอบอะไรที่ง่ายๆ ประหยัดเวลา ขอแนะนำเป็นผลิตภัณฑ์ซอสหมักหมูกระทะของตราเพียวฟู้ดส์ ที่ทำมาเพื่อตอบโจทย์ปัญหานี้โดยเฉพาะ ง่ายๆ แค่ราดไปบนเนื้อสัตว์ ทิ้งไว้ 20 นาที ก็จะได้เนื้อหมักอร่อยเหมือนหมักข้ามคืน รสชาติเด็ดเหมือนไปนั่งทานที่ร้านดัง
ปิ้งย่างสไตล์ญี่ปุ่น หรือที่ทุกคนรู้จักในคำว่า Yakiniku (ยากินิกุ) ที่มีความหมายว่า เนื้อย่าง การปิ้งย่างแบบญี่ปุ่นจะนิยมใช้เตาถ่าน ต่างจากไทยและเกาหลีที่นิยมใช้เตาเหล็ก ซึ่งการใช้เป็นเตาถ่านจะช่วยทำให้ได้กลิ่นหอมของถ่านไม้ ในส่วนของวัตถุดิบที่นำมาย่าง ก็มีทั้งเนื้อสัตว์และผัก ซึ่งมักจะกินคู่กับเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
จากบทความออนไลน์หัวข้อพิชิตธุรกิจปิ้งย่างของเวปไซด์ purefoodsshopping.com ได้เสนอแนะ 4 ข้อสำคัญที่จะทำให้ร้านปิ้งย่างมีความปังและเป็นที่ชื่นชอบของลูกค้าและมีลูกค้ามากขึ้นเรื่อยๆ อย่างแน่นอนได้แก่
สำหรับงบประมาณที่ใช้คำนวณจากการเปิดร้านขนาดเล็กไม่เกิน 10 โต๊ะ คนสนใจลงทุนต้องเตรียมอุปกรณ์เบื้องต้นซึ่งเงินทุนสำหรับค่าอุปกรณ์ประมาณ 30,000 - 40,000 บาท (ตามคุณภาพสินค้า) เป็นต้นทุนที่ยังไม่รวมค่าเช่า ค่าปลูกสร้างร้าน - ที่ดิน และควรมีทุนหมุนเวียนประมาณ 7,000 - 10,000 บาท/วัน โดยควรจะมีการจ้างแรงงานประมาณ 3- 4 คนหากเป็นร้านขนาดเล็ก หลักการที่ทำให้ร้านปิ้งย่างมีกำไรควรให้ต้นทุนอาหารอยู่ที่ 25-30% และต้นทุนด้านแรงงานควรอยู่ที่ 15-20% นอกจากนี้ยังมีเรื่องต้นทุนคงที่ได้แก่ ค่าเช่า เงินเดือนพนักงาน เฉลี่ยแล้วควรอยู่ที่ 15-20% รวมถึงต้นทุนผันแปร เช่นค่าแก๊ส ค่าน้ำ ค่าไฟ จิปาถะในแต่ละเดือนควรอยู่ที่ 10-15% เมื่อพูดถึงอาหารเกาหลี ประเทศไทยได้รับอิทธิพลด้านอาหารจากประเทศเกาหลีมาร่วมหลายปีจากกระแสเคป็อปหรือซีรีส์เกาหลี หรือกล่าวได้ว่าเนื่องจากอิทธิพลจากวงการบันเทิงนั่นเอง จนกลายเป็นที่นิยมอย่างมากในปัจจุบัน อาหารเกาหลีในไทยส่วนใหญ่ที่หลายคนนึกถึงมักจะเป็นประเภทปิ้งย่าง ซึ่งมาพร้อมกับเครื่องเคียงจำนวนมากและยังมีเมนูอื่นๆ เช่น บะหมี่เกาหลี, ต๊อกโบกี, ซุปกิมจิ โคชูจัง ฯลฯ มาให้เลือกทานอีกด้วย
ปิ้งย่างเกาหลีมีประวัติที่ไม่เเน่นอน เเละมีประวัติค่อนข้างเยอะอย่างมากอย่างเช่น ในปี 1981 ที่มีการฆ่าเเกะเพื่อนำเเกะมาทำอาหารก็เป็นหนึ่งในประวัติที่ถูกเขียนขึ้น หรือจะเป็น ในปี 1931 ได้มีการบัญญัติคำว่า “เนื้อย่างเจงกิสข่าน” ก็เป็นหนึ่งในอาหารที่มีลักษณะคล้ายกับเนื้อย่างเกาหลีด้วยเช่นกัน เเละยังมีกลาวอีกว่า เนื้อย่างเกาหลีได้รับอิทธิพลมาจากบูโกลกิ และ กัลบี้ ซึ่งเป็นอาหารที่นิยมอย่างมากในญี่ปุ่นในช่วงสมัยศตวรรษที่ 20 เป็นต้น
ความแตกต่างของปิ้งย่างเกาหลีและปิ้งย่างญี่ปุ่น จะเห็นได้ว่าแม้ว่าจะขึ้นชื่อว่าเป็นเมนู “ปิ้งย่าง” เหมือนกัน แต่รูปแบบการกินปิ้งย่างเกาหลีและปิ้งย่างญี่ปุ่น มีความแตกต่างกันพอสมควร โดยปิ้งย่างเกาหลีมักนิยมใช้หมูสามชั้น และเนื้อหมูเป็นวัตถุดิบหลัก นอกจากใช้เนื้อหมูเป็นวัตถุดิบหลักแล้ว ปิ้งย่างเกาหลีมักเสิร์ฟคู่กับเครื่องเคียงมากมาย เป็นการเพิ่มรสชาติให้กับเนื้อหมูมากขึ้น รวมทั้งมีการหมักเนื้อหมูเข้ากับซอสชนิดต่างๆ การนำไปปิ้งย่าง สำหรับปิ้งย่างญี่ปุ่นเน้นวัตถุดิบที่ “เนื้อวัว” เป็นหลัก เรียกกันว่า “ยากินิขุ” โดยภาษาญี่ปุ่น ยากิ หมายถึงปิ้งย่าง ส่วน นิขุ หมายถึงเนื้อวัว จะมีให้เลือกมากมายหลายรูปแบบ เนื่องจากเนื้อวัวในแต่ละส่วนก็มีรสชาติและให้สัมผัสที่ต่างกันไป ดังนั้นการกินปิ้งย่างญี่ปุ่นจึงเน้นไปที่รสชาติของวัตถุดิบเป็นหลัก ไม่มีการหมักซอสก่อนที่จะปิ้งย่าง แต่ให้จิ้มซอสหลังปิ้งเสร็จแล้ว เพื่อให้ได้สัมผัสกับรสชาติหอมอร่อยจากเนื้อวัวชั้นดีอย่างแท้จริง รวมทั้งยังไม่มีเครื่องเคียงเหมือนกับปิ้งย่างเกาหลีอีกด้วย ในที่นี่เรามาดูปิ้งย่างเกาหลีกันต่อ
ปิ้งย่างเกาหลีคือหนึ่งในเมนูโปรดของหลายคนที่ชื่นชอบการกินอาหารปิ้งย่าง โดยปิ้งย่างเกาหลีมักนิยมใช้ “หมูสามชั้น” และเนื้อหมูเป็นวัตถุดิบหลัก นอกจากนี้ยังมีส่วนสันคอ สันนอก โดยวัตถุดิบดังกล่าวจะนำมาหมักสไตล์เกาหลี ซึ่งเป็นที่ถูกปากคนไทย เพราะเนื้อที่ผ่านการหมักมีความฉ่ำของซอสหมักขณะรับประทานนั่นเอง นอกจากเนื้อหมูแล้วเนื้อวัวก็เป็นสามารถนำมาปิ้งย่างได้รสชาติอร่อย ในเกาหลีคนเกาหลีนิยมนำหมูสามชั้น (Pork Belly) ซึ่งเป็นเนื้อหมูส่วนท้องมาทำหมูย่างเกาหลีเพราะในช่วงค.ศ. 1970 หมูสามชั้นในเกาหลีมีราคาถูกมาก เนื่องจากไม่เป็นที่ต้องการของตลาดส่งออกเนื้อหมูไปต่างประเทศ ชาวบ้านทั่วไปจึงนำมารับประทานกันที่บ้านจนกลายเป็นที่นิยมมาถึงปัจจุบัน ซึ่งถ้าบางคนไม่ชอบกินเนื้อหมูที่ติดมันก็จะนำส่วนอื่นมาทำหมูย่างเกาหลีแทน เช่น สันคอหมู (Pork Shoulder) ทั้งนี้ในอดีตคนเกาหลีมีความเชื่อว่า ไขมันจากเนื้อหมูสามารถช่วยกำจัดฝุ่นละอองออกจากหลอดลมและปอดได้ เนื่องจากเห็นว่าคนที่มีอาชีพแรงงานมักจะไปสังสรรค์กันด้วยการกินหมูสามชั้นย่างหลังจากทำงานอย่างหนักมาทั้งวัน นอกจากนี้เนื้อหมูยังมีราคาถูกมากๆ จนบางครั้งอาจถูกกว่าเนื้อไก่ด้วยซ้ำ ปัจจุบันนี้คนเกาหลีก็ยังกินปิ้งย่างในการเฉลิมฉลองและการสังสรรค์กันทั้งในหมู่เพื่อนและกับครอบครัว เรียกได้ว่าเป็นเมนูยอดฮิตเลยทีเดียว ปิ้งย่างเกาหลีจัดว่าเป็นเมนูกระชับความสัมพันธ์เพื่อสังสรรค์กันในหมู่เพื่อนฝูงและครอบครัว อย่างที่เรามักเห็นในซีรีส์เกาหลีบ่อยๆ ว่าหลังเลิกงานมนุษย์เงินเดือนมักชักชวนกันไปกินปิ้งย่างเกาหลีคู่กับเหล้าโซจูเป็นประจำ คล้ายๆ กับที่คนไทยชอบชวนเพื่อนไปกินหมูกระทะ นอกจากใช้เนื้อหมูเป็นวัตถุดิบหลักแล้วปิ้งย่างเกาหลีมักเสิร์ฟคู่กับเครื่องเคียงมากมาย ไม่ว่าจะเป็นผักกาดหอม กิมจิ ซอส เกลือ ใบงา หัวไชเท้าดอง ถั่วงอก หัวหอม กระเทียม และต้นหอม เพื่อเพิ่มรสชาติให้กับเนื้อหมูมากขึ้น รวมทั้งมีการหมักเนื้อหมูเข้ากับซอสชนิดต่างๆ เพื่อให้มีรสชาติเข้มข้น เมื่อปิ้งเสร็จก็กินคู่กับเครื่องเคียงได้ทันที
สำหรับการปิ้งย่างในเกาหลีมีเตาอยู่ 2 แบบด้วยกัน คือย่างด้วยเตาถ่าน และย่างด้วยกระทะสำหรับย่างทั่วไป ตัวกระทะที่ใช้ย่างเองก็มี 2 แบบ แบบแรกคือกระทะสี่เหลี่ยมที่เอียงลงให้ไขมันที่ออกมาไหลออกจากกระทะ ส่วนแบบที่สองจะเป็นกระทะวงกลมที่มีรูสำหรับให้ไขมันไหลออกไปที่ขอบกระทะ
สำหรับวิธีการย่างหมูให้อร่อยแบบต้นตำรับเกาหลี จะต้องย่างเนื้อหมูสามชั้นลงไปทั้งเส้นจนเริ่มเกรียมและมีสีสวยที่ผิวด้านนอกเล็กน้อย จากนั้นค่อยตัดแบ่งเป็นชิ้นเล็กๆ การย่างแบบนี้จะช่วยกักเก็บไขมันและความชุ่มฉ่ำของเนื้อหมูเอาไว้ด้านใน ให้ความอร่อยกระจายตัวไปทั่วปากเวลาเคี้ยว
นอกจากนี้การกินสไตล์เกาหลีจะต้องมีการใช้เครื่องจิ้มตามลำดับ เมื่อหมูสามชั้นชิ้นแรกพร้อมรับประทานจะเริ่มด้วยการจิ้มเกลือเพราะเกลือเป็นเครื่องจิ้มที่มีรสชาติเบาบางที่สุด และเกลือช่วยดึงรสชาติของเนื้อออกมาได้อย่างดี จากนั้นก็จิ้มน้ำจิ้มแล้วรับประทาน ซึ่งจะต้องรับประทานควบคู่ไปกับเครื่องเคียงที่ขาดไม่ได้คือกิมจิ ซึ่งจะช่วยเสริมความอร่อยเพิ่มขึ้น นอกจากนี้ยังมีผงถั่วและต้นหอมปรุงรส โดยการเอาชิ้นหมูสามชั้นมาจิ้มในผงถั่วแล้วนำลงย่างอีกครั้งให้กลิ่นของผงถั่วหอมยิ่งขึ้น แล้วนำต้นหอมปรุงรสวางด้านบน แล้วคีบออกมาจากเตาย่างและรับประทาน ความหอมของผงถั่วและต้นหอมปรุงรสจะมาช่วยตัดเลี่ยนของหมูสามชั้น หรือเมื่อย่างสุกอาจจะนำมาวางบนผักกาด เครื่องเคียงที่เป็นที่นิยมอย่างกิมจิ และข้าวก่อนที่จะห่อเป็นคำ แล้วนำเข้าปาก เพียงเท่านี้เราก็ได้ลิ้มรสในแบบเกาหลีแท้ๆ
เมนูปิ้งย่างจะอร่อยหรือไม่นอกจากการหมักแล้วการเลือกเนื้อหมูที่จะใช้หมักก็มีความสำคัญดังนั้นจะแนะนำการซื้อเนื้อหมูดังนี้
1. เนื้อหมูต้องมีสีชมพูอ่อนๆ และมีไขมันสีขาว ตัวเนื้อไม่ควรเป็นสีเขียวคล้ำหรือสีแดงสด เพราะอาจจะเกิดจากสารเร่งเนื้อแดงได้
2. กดเนื้อหมูแล้วเนื้อต้องไม่บุ๋ม หากกดแล้วเนื้อบุ๋มไม่คืนตัวแสดงว่าเนื้อหมูนั้นเป็นเนื้อหมูเก่าเก็บ
3. ผิวของเนื้อหมูต้องมันวาว เกลี้ยงเกลา หากมีมันต้องเป็นสีขาวใส ไม่มีพังผืด
4. เนื้อหมูต้องมีความคาวธรรมชาติ ไม่เหม็นหืนหรือกลิ่นต้องไม่แรงเกินไป
5. ไม่ควรรับประทานเนื้อหมูที่มีลักษณะเม็ดสาคูแทรกอยู่ตามเนื้อเพราะเม็ดสาคูคือพยาธิในเนื้อหมู ซึ่งเป็นอันตรายต่อผู้รับประทาน
การปิ้งย่างเนื้อสัตว์ที่ไม่ผ่านการหมัก เนื้อสัตว์จะจืด ไม่อร่อยเหมือนเนื้อสัตว์ที่ผ่านการหมักก่อนนำไปปิ้งย่าง ซึ่งจะทำให้เนื้อสัตว์นั้นมีรสชาติเข้มข้นมากขึ้นและเพิ่มความนุ่มของเนื้อ โดยเฉพาะเมนูปิ้งย่างเกาหลี ซึ่งมักจะนำเนื้อสัตว์ไปหมักด้วยสูตรต่างๆ ก่อนนำไปย่าง ที่นี่ได้รวบรวมบางสูตรสำหรับการหมักเนื้อสัตว์ก่อนนำไปปิ้งย่าง ดังนี้
สูตรที่ 1 : จากข้อมูลออนไลน์ของสำนักพิมพ์มติชน
1. น้ำผึ้ง 2 ช้อนโต๊ะ
2. ซีอิ๊วขาว 3 ช้อนโต๊ะ
3. น้ำมันงา 2 ช้อนโต๊ะ
สูตรที่ 2 : เค็ม เผ็ด กลมกล่อม ในคำเดียว (Wongnai ออนไลน์)
1. โคชูจัง 1 ช้อนโต๊ะ
2. น้ำตาล 1/2 ช้อนโต๊ะ
3. น้ำส้มสายชู 1/2 ช้อนชา
สูตรที่ 3 : หอมหวานนุ่มนวล (Wongnai ออนไลน์)
1. คันจัง (ซอสถั่วเหลืองเกาหลี) 2 ช้อนโต๊ะ
2. น้ำตาล 1 ช้อนโต๊ะ
3. ต้นหอมซอย 1 ต้น
4. กระเทียมจีน 1 กลีบ
5. พริกไทย 1 หยิบมือ
สูตรที่ 4 : น้ำมันงา หอมกลิ่นน้ำมันงา (Wongnai ออนไลน์)
1.งาขาวคั่ว 1/2 ช้อนชา
2. น้ำมันงา 1 ช้อนโต๊ะ
3. ต้นหอมซอย 1 ต้น
4. เกลือ 1 ช้อนชา
วิธีการหมัก : อัตราส่วนแต่ละสูตรสำหรับการหมักเนื้อสัตว์ (เนื้อวัว/เนื้อหมู) 500 กรัม เริ่มด้วยการหั่นเนื้อสัตว์เป็นชิ้นบางๆ แล้วหมักด้วยส่วนประกอบและอัตราส่วนในแต่ละสูตรบอกไว้ แล้วพักเนื้อสัตว์ที่คลุกเคล้าไว้สักระยะก่อนนำไปย่าง
สูตรที่ 5 หมักหมูย่างต้นตำหรับเกาหลีโดย Super Lock ออนไลน์
1.เนื้อสันคอหมู 500 กรัม
2. ซอสถั่วเหลือง 60 มิลลิลิตร
3. สาโท 3 ช้อนโต๊ะ
4. น้ำมันงา 1 ช้อนโต๊ะ
5. น้ำตาล 1 ช้อนโต๊ะ
6. พริกไทยดำ 1 ช้อนโต๊ะ
7. น้ำมันคาโนลา 1 ช้อนโต๊ะ
8. โคชูจัง 1/2 ถ้วย
9. พริกป่น 1 ช้อนชา
10. หอมใหญ่
11. ต้นหอม
12. กระเทียม
13. ขิง
วิธีการ เริ่มจากการหั่นสันคอหมูให้มีความหนาประมาณ 1/2 เซนติเมตร จากนั้นหั่นหอมใหญ่ ต้นหอม กระเทียม ขิง เป็นแว่น เตรียมไว้ แล้วนำซอสถั่วเหลือง สาโท น้ำมันงา น้ำตาล พริกไทยดำ น้ำมันคาโนลา โคชูจัง พริกป่น ผสมเข้าด้วยกัน แล้วนำซอสที่ผสม และผักที่หั่นแว่นเตรียมคนให้เข้ากับเนื้อหมู บรรจุลงกล่องถนอมอาหารนำเข้าตู้เย็น 30 นาที การนำมาทำการย่าง
สูตรที่ 6 อ้างอิงมาจาก Youtuber แม่บ้านเกาหลี ช่อง Seonkyoung Longest
1. สันคอหมูสไลด์ (จำนวนเท่าไหรก็ได้ตามต้องการ)
2. พริกโคชูจัง (พริกเผ็ดแบบเกาหลี) 4 ช้อนโต๊ะ
3. กระเทียม
4. หอมใหญ่
5. ต้นหอม
6. ผักกาดเขียว
7. พริกหยวก
8. มิริน (ไวน์ขาวญี่ปุ่น) 2 ช้อนโต๊ะ
9. น้ำปลา 1 1/2 ช้อนโต๊ะ
10. ซอสถั่วเหลือง 3 ช้อนโต๊ะ
11. น้ำเชื่อมสารสกัดพลัมเอนกประสงค์ 2 ช้อนโต๊ะ
12. น้ำตาล 2 ช้อนโต๊ะ
13. พริกไทยดำ 1 ช้อนโต๊ะ
14. งาขาวคั่ว
วิธีทำ สับกระเทียมให้เป็นชิ้นเล็กๆ ใส่ชามผสม ตามด้วยพริกโคชูจัง มิริน ( ไวน์ขาวญี่ปุ่น ) น้ำปลา ซอสถั่วเหลือง น้ำเชื่อมสารสกัดพลัมเอนกประสงค์ น้ำตาล พริกไทยดำ แล้วคนให้เข้ากัน แล้ววางทิ้งไว้ 5 นาที ให้ซอสข้นและหนืด นำสันคอหมูที่สไลด์แล้ว ลงไปหมักในซอสให้ทั่วๆ จากนั้นใส่หอมใหญ่ลงไปในซอสที่ทำไว้ คลุกเคล้าให้เข้ากันแล้วหมักทิ้งไว้ 20 - 30 นาที หรือ หมักข้ามคืนก็ได้ ก็นำมาใช้ได้
สูตรที่ 7
1.โคชูจัง 2 ช้อนโต๊ะ
2.น้ำมันงา 2 ช้อนโต๊ะ
3.ซอสเกาหลี/โชยุ 2 ช้อนโต๊ะ (ซอสเกาหลี หาซื้อยาก ใช้โชยุแทนได้ค่ะ)
4.น้ำตาลทรายขาว 1 ช้อนโต๊ะ
5.พริกไทย 1/4 ช้อนชา
6.กระเทียมสับ 1 ช้อนโต๊ะ
7.น้ำเปล่า 2 ช้อนโต๊ะ
8.งาขาวดิบ 1 ช้อนชา
วิธีทำ ซอสหมูหมักเกาหลี ทำการผสมโคชูจัง น้ำมันงา โชยุ ในชาม โดยเติมส่วนผสมทีละอย่างลงไป คนผสมเบาๆให้เข้ากัน จากนั้นเติมน้ำตาลทราย พริกไทย และกระเทียมสับลงไปคนผสมให้เข้ากัน แล้วเติมน้ำเปล่าลงไปคนผสมให้เป็นเนื้อเดียวกัน หลังจากนั้นนำไปหมักหมูที่เตรียมไว้ ใช้เนื้อหมู 500 กรัม เติมงาขาวดิบลงไปคลุกด้วย พักไว้อย่างน้อย 2 ชั่วโมง เพื่อให้ซอสซึมเข้าเนื้อ ก่อนนำไปปิ้งย่างสไตล์เกาหลี
เคล็ดลับการหมักหมูต้นตำหรับเกาหลี คือการหั่นหมูให้บางลง และคลุกเคล้าให้เข้ากับน้ำซอสเพื่อให้น้ำซอสซึมเข้าเนื้อหมูได้อย่างทั่วถึง เมื่อได้สูตรหมักเนื้อได้แล้ว น้ำจิ้มที่กินควบคู่เนื้อย่างก็มีความสำคัญที่จะช่วยเพิ่มความอร่อยให้ชิ้นเนื้อนั่นๆ
เพื่อเพิ่มความอร่อยของเนื้อสัตว์ย่างจะต้องมีน้ำจิ้มที่เข้ากันดิ้นควบคู่กัน เมื่อเราทำปิ้งย่างเกาหลีน้ำจิ้มที่ควรจะคู่กันควรมรสชาติสไตส์เกาหลีด้วย แต่ทั้งนี้ไม่ได้เฉพาะเจะจงมากนักเพราะว่าอาหาต่างๆ เมื่อเข้าไปสู่ประเทศอื่นๆ มักมีการปรับเปลี่ยนสรชาติเพื่อให้เหมาะกับประเทศนั้นๆ ซึ่งความแตกต่างนี้ทำให้มีอาหารที่มีรสชาติอร่อยเพิ่มขึ้น แต่ในที่นี้จะนำเสนอน้ำจิ้มที่ยังคงมีส่วนของต้นตำรับไว้
สูตรที่ 1.
1. มิโสะ 2 ช้อนโต๊ะ 1 ก้อน
2. โชยุหรือซีอิ๊วขาว 1/2 ถ้วยตวง
3. น้ำส้มสายชูหมัก 1/4 ถ้วยตวง
4. น้ำตาลผึ้ง 1 ช้อนโต๊ะ
5. งาคั่วละเอียด 2 ช้อนโต๊ะ
6. น้ำมันงาปรุงรส 1 ช้อนโต๊ะ
7. กระเทียมบดละเอียด 2 ช้อนโต๊ะ
วิธีการทำน้ำจิ้ม : ทำการผสมเครื่องปรุงทั้งหมดเข้าด้วยกัน จะได้น้ำจิ้มเนื้อสัตว์ย่างสไตล์เกาหลี
สูตรที่ 2.
1. โคชูจัง 1 ช้อนโต๊ะ
2. มิโสะ 2 ช้อนโต๊ะ
3. กระเทียมสับละเอียด 1 ช้อนโต๊ะ
4. พริกชี้ฟ้าใหญ่เขียวแดง สับหยาบ 2 เม็ด
5. น้ำตาลทราย/น้ำเชื่อม 1 ช้อนโต๊ะ
6. น้ำมันงา 1 ช้อนโต๊ะ
7. งาขาวคั่วเล็กน้อย
วิธีทำ
เริ่มจากการคั่วงาด้วยไฟอ่อนๆ แล้วพักไว้ จากนั้นนำส่วนผสมทุกอย่าง ผสมเข้าด้วยกัน เมื่อส่วนผสมเข้ากันดีแล้วโรยด้วยงาขาวที่คั่วไว้ ก็จะได้น้ำจิ้มที่ต้องการ
สูตรที่ 3 เป็นสูตรดัดแปลง
1. ซีอิ๊วเกาหลี 3 1/2 ช้อนโต๊ะ
2. น้ำส้มสายชูหมัก 2 ช้อนโต๊ะ
3. กระเทียมสับละเอียด 1 ช้อนโต๊ะ
4. น้ำพริกเกาหลี 2 ช้อนชา
5. ไซรัพ (Cooking Syrup) 1 1/2 ช้อนโต๊ะ
6. น้ำมันงาเกาหลี 1 ช้อนชา (หากไม่มีน้ำมันงาเกาหลี ใช้น้ำมันงาของไทย)
7. งาขาวคั่ว 1-2 ช้อนโต๊ะ
8. ต้นหอมไทยซอยละเอียด 1 ช้อนโต๊ะ
วิธีทำ ผสมซีอิ๊วเกาหลี น้ำส้มสายชู กระเทียม น้ำพริกเกาหลี ไซรัพ เข้าด้วยกันในชามผสม คนทุกอย่างให้เข้ากัน จากนั้นใส่น้ำมันงา และงาขาวคั่ว คนผสมให้เข้ากันอีกครั้งแล้วใส่ต้นหอมซอยลงไป
จากสูตรหมักเนื้อที่กล่าวมาข้างต้นจะเห็นได้มีวัตถุดิบแตกต่างกันไปในแต่ละสูตร และเป็นที่สังเกตว่าการหมักหมูตามสูตรดังกล่าวจะต้องหาวัตถุดิบไม่น้อยเลย ไม่ว่าจะเป็นน้ำผึ้ง ซีอิ๊วขาว น้ำมันงา โคชูจัง น้ำตาล เกลือ สาโท น้ำมันคาโนลา น้ำส้มสายชู คันจัง กระเทียมจีน พริกไทย งาขาวคั่ว ซอสถั่วเหลือง ฯลฯ บางชนิดหาได้ไม่ง่ายนักถ้าไม่ใช้แม่ครัวมืออาชีพ ดังนั้นจะดีกว่าถ้ามีซอสสำเร็จรูปที่พร้อมใช้ในการหมักเนื้อ