ในปัจจุบันกระแสเกาหลีมาแรงมาก ไม่ว่าจะอยู่ในรูปแบบซีรี่ย์เกาหลี หนัง ภาพยนตร์ นักแสดง นักร้อง K-pop ต่างๆ ทำให้มีการส่งต่อวัฒนธรรมเกาหลีเข้าสู่ประเทศไทย ทั้งการแต่งกาย แต่งหน้า ภาษา และสิ่งที่ใครหลายคนเข้าถึงง่าย รู้จักกันดี ก็คงเป็น “อาหารเกาหลี” มีให้เห็นอยู่ทั่วไป ตามสตรีทฟู้ด(Street food) ห้างสรรพสินค้า บางร้านก็ไม่มีหน้าร้านแต่ขายผ่านแอปเดลิเวอรี่(Delivery)
จากข้อมูลของธนาคารกสิกรไทยเผยว่า ในปี 2565 ธุรกิจอาหารเกาหลี มีมูลค่าตลาดรวม 3,000 ล้านบาท และอาหารเกาหลีที่เป็นยอดนิยมในประเทศไทยก็คือ “ไก่ทอดเกาหลี” นั่นเอง ทำให้มีผู้คนมากมายสนใจอยากเริ่มต้นเปิดร้านขายไก่ทอดเกาหลี เนื่องจากขายง่าย กำไรดี กินได้ทุกวัย ขั้นตอนการทำขายไม่ยุ่งยาก
วันนี้เราอยากมาแชร์ข้อมูล 3 ประเด็น สำหรับคนที่อยากเริ่มต้นเปิดร้านขายไก่ทอดเกาหลี แต่ยังไม่รู้ต้องทำยังไง มาดูกันว่าการเปิดร้านขายไก่ทอดเกาหลีต้องทำอะไรและมีขั้นตอนอย่างไรบ้าง

ประเด็นที่ 1 จะกล่าวถึงข้อสิ่งจำเป็นพื้นฐานที่ร้านขายไก่ทอดเกาหลีจะต้องมี ไม่ว่าจะเปิดร้านในรูปแบบใดก็ตาม
- รสชาติอาหารอร่อย คงที่ และตรงปก การจะเปิดร้านขายไก่ทอดเกาหลีได้ ต้องคำนึงเสมอว่า “ความอร่อยเป็นสิ่งพื้นฐานที่ทุกร้านอาหารต้องมี” แม้ร้านขายไก่ทอดเกาหลีของเราจะตั้งอยู่ในทำเลทอง แต่รสชาติไม่ถูกปาก คงยากที่จะให้ลูกค้ากลับมาซื้อซ้ำ อีกสิ่งที่ต้องให้ความสำคัญคือ ความคงที่ของรสชาติ ลูกค้าจะมาทานกี่ครั้งรสชาติของอาหารจะต้องเหมือนเดิมในทุกครั้ง ซึ่งเป็นมาตรฐานเบื้องต้นของร้านอาหาร ในปัจจุบันก็ได้มีผลิตภัณฑ์ซอสเคลือบไก่ รสชาติต่างๆ ของแบรนด์เพียวฟู้ดส์ เป็นตัวช่วยที่ดีให้พ่อค้าแม่ค้าสะดวก ได้รสชาติที่คงที่ อีกทั้งยังถูกปากคนไทย และอย่าลืมคำนึงถึงภาพลักษณ์อาหารที่จะเสริฟ์ให้ลูกค้า หากในรูปเมนูตัวอย่างเป็นเช่นใด อาหารที่เสริฟ์ต้องเหมือนกันหรือดูดีกว่านั่นเอง ซึ่งจะทำให้ลูกค้ารู้สึกไม่ผิดหวังเมื่อได้รับอาหาร โดยทางร้านสามารถกำหนด S.O.P. ในการทำอาหารเพื่อให้อาหารแต่ละจานมีรสชาติและรูปแบบคงที่
- มีความแตกต่างจากร้านอื่น รู้ข้อดี จุดแข็ง ของร้านตนเอง ประเด็นนี้คือสิ่งสำคัญ ที่จะทำให้ลูกค้าจดจำร้านขายไก่ทอดเกาหลีของเราได้ เช่น หากทางร้านมีสูตรซอสเคลือบไก่เกาหลีที่ไม่เหมือนใคร แตกต่างจากร้านขายไก่ทอดเกาหลีอื่นๆ ก็นำส่วนนั้นเป็นจุดเด่น เพื่อเรียกลูกค้าได้ อีกทั้งการตกแต่งร้านก็สามารถนำมาเป็นความแตกต่างได้เช่นกัน ซึ่งจะกล่าวในหัวข้อถัดไป
- การตกแต่งดีมีชัยไปกว่าครึ่ง ร้านขายไก่ทอดเกาหลีมีอยู่ทั่วไป แต่จะมีสักกี่ร้านที่เราจดจำได้ สิ่งที่เราจะจดจำได้มาจากบรรยากาศ ความรู้สึกที่ลูกค้าได้รับ สีต่างๆที่ใช้ในการตกแต่งล้วนให้อารมณ์ความรู้สึกที่แตกต่างกัน เช่น สีเขียว ให้ความรู้สึกสดชื่น มีชีวิตชีวา รู้สึกถึงการมีชีวิต โดยการจะเลือกใช้แต่ละสีภายในร้านก็ขึ้นอยู่กับความรู้สึกที่เราอยากมอบให้ลูกค้า ทั้งนี้หากไม่ได้เปิดเป็นร้านตั้งอยู่กับที่ แต่เป็นแผงลอยก็สำคัญเช่นกัน การตกแต่งที่บ่งบอกถึงภาพลักษณ์แบรนด์ และสื่อไปถึงความรู้สึกลูกค้าได้สำเร็จ จะทำให้ลูกค้าจดจำร้านได้นั่นเอง
- แผนธุรกิจต้องชัดเจน การทำธุรกิจต้องมีเป้าหมาย ดังนั้นแผนธุรกิจจะเป็นเหมือนคู่มือที่ทำให้ถึงเป้าหมาย ก่อนอื่นแนะนำให้ทำความรู้จักกับ BMC แผนธุรกิจอย่างง่ายที่จะทำให้เห็นภาพรวมธุรกิจร้านขายไก่ทอดเกาหลีชัดขึ้น ว่าร้านขายไก่ทอดเกาหลีของเราจะขายให้ใคร ขายที่ไหน ขายเมื่อไหร่ ขายยังไง เงินลงทุนมาจากไหน อีกทั้งธนาคารกรุงไทย ได้แนะนำว่า แผนธุรกิจที่ดีจะต้องคลอบคลุม SWOT Analysis S-จุดแข็งของร้าน W-จุดอ่อน O-โอกาสดีในธุรกิจ T-อุปสรรคที่เราจะต้องพบเจอ นอกจากนี้ยังมีแผนการตลาดตลอดทั้งปี ที่จะทำให้แต่ละเดือน หรือบางร้านอาจจะละเอียดถึงรายสัปดาห์ เพื่อที่จะควบคุมงบประมาณการทำการตลาดได้ เป็นต้น
- ทำเลที่เหมาะสม ประเด็นนี้ สอดคล้องกับข้อ 3 และ 4 ที่กล่าวมา ซึ่งทำเลที่ดีไม่ได้การันตีว่าร้านขายไก่ทอดเกาหลีของเราจะขายได้ ยกตัวอย่างเช่น ร้านขายไก่ทอดเกาหลีพรีเมี่ยมวัตถุดิบส่งตรงจากเกาหลี ร้านขายเริ่มต้น 200 บาท เปิดขายหน้าโรงเรียนประจำจังหวัด แน่นอนว่าสถานที่นี้มีคนเยอะที่จะผ่านร้านขายไก่ทอดเกาหลีเรา แต่มันไม่ตอบโจทย์กับคนระแวกนั้น สุดท้ายจะขายไม่ได้ และเจ๊งในที่สุด ดังนั้นการวางแผนธุรกิจว่าร้านขายไก่ทอดเกาหลีจะออกมาในรูปแบบไหน ขายให้ใคร ราคาขายเท่าไหร่ ภาพลักษณ์แบรนด์เป็นอย่างไร จึงเป็นสิ่งที่จะทำให้ร้านขายไก่ทอดเกาหลีเปิดถูกที่ ตรงกลุ่มเป้าหมาย
- แหล่งวัตถุดิบได้คุณภาพ จากงานวิจัยในหลายฉบับชี้ให้เห็นว่า อาหารที่มีคุณภาพ จะส่งผลให้ลูกค้ารู้สึกดีหลังใช้บริการ ซึ่งคุณภาพอาหารที่ดีเป็นสิ่งพื้นฐานที่ทุกร้านอาหารต้องมี โดยในร้านขายไก่ทอดเกาหลี กว่าจะมาเป็นไก่ทอดเกาหลีได้ ต้องมีเนื้อไก่ส่วนต่างๆ แป้งทอดกรอบ น้ำมัน ซอสเคลือบไก่ แต่ละส่วนผสมเจ้าของร้านต้องหาแหล่งวัตถุดิบที่ตอบโจทย์กับร้าน สามารถรักษาคุณภาพและส่งมอบวัตถุดิบได้สม่ำเสมอ อีกทั้งหากร้านขายไก่ทอดเกาหลี ไม่ได้ขายแค่ไก่ทอดเกาหลี แต่มีเครื่องเคียง หรือเมนูอื่นๆร่วมด้วย ก็จะต้องเป็นวัตถุดิบที่ดีได้คุณภาพเช่นกัน เพื่อที่จะส่งเสริมสินค้าหลักของร้านนั่นเอง
- ความหลากหลายทำให้ลูกค้ามีทางเลือก ความหลากหลายในทีนี้ หมายถึง จำนวนเมนูที่ขาย หากมีเมนูน้อยไป ก็ตอบโจทย์ได้ลูกค้าไม่กี่กลุ่ม ส่งผลให้จำนวนคนมาซื้อน้อย แต่เมื่อมีเมนูมากไป จะส่งผลต่อต้นทุนของร้าน การเตรียมวัตถุดิบให้ครบทุกเมนูที่ขาย โดยทางร้านไม่รู้ว่าจะขายได้หรือไม่ หากขายไม่ได้จะส่งผลต่อต้นทุนที่จะเพิ่มขึ้นมา หรือการไม่เตรียมวัตถุดิบให้ครบตามเมนูที่มี เมื่อลูกค้ามาสั่ง รายการอาหารนั้นหมดจะส่งผลด้านลบต่อทางร้านเอง

ดังนั้นจึงต้องมีความพอดี ไม่มากไปหรือน้อยไป สิ่งนี้จะต้องสังเกตจากพฤติกรรมกลุ่มเป้าหมายของร้าน โดยจะต้องทำการสำรวจก่อนเปิดขายจริง จะช่วยให้วางแผนธุรกิจได้ง่ายขึ้น ยกตัวอย่างเช่น ร้านบอนชอน มีไก่ทอดเกาหลีที่เป็นตัวขายหลัก แต่ทางร้านก็ยังมีเมนูอื่นๆด้วย เช่น ซุปกิมจิ สลัด ของทานเล่น หรืออื่นๆอีกมากมาย ที่จะทำให้ลูกค้ารู้สึกมีตัวเลือก เพิ่มโอกาสการขาย อีกทั้งยังเป็นการขยายกลุ่มลูกค้าไปอีกทางหนึ่งด้วย ซึ่งหากจะเน้นขายไก่ทอดเกาหลีให้หลากหลาย อาจจะใช้ซอสเคลือบไก่สำเร็จรูป ที่จะช่วยทั้งประหยัดเวลาในการเตรียม ต้นทุนที่คงที่ และให้รสชาติที่หลากหลาย เพิ่มตัวเลือกให้ลูกค้า
ในแบรนด์เพียวฟู้ดส์ก็ได้มีผลิตภัณฑ์ซอสเคลือบไก่ ทั้ง 5 รสชาติ ได้แก่
- สูตรพริกเกาหลี - ให้รสชาติหวานนำ เผ็ดตาม หอมพริกเกาหลีและโคชูจัง
- สูตรฮอตแอนด์สไปซี่ – มีรสเผ็ดระดับกลาง หวานตาม มีเค็มนิดๆ เข้ากันสุดๆ
- สูตรเผ็ดคูณสอง - มีรสเผ็ดมาก ถูกใจคนกินเผ็ดแน่นอน ตามด้วยรสหวาน เค็มเล็กน้อย
- สูตรบาร์บีคิว - ให้รสหวาน หอมกลิ่นรมควันสไตล์บาร์บีคิว
- สูตรกระเทียม - มีรสหวานเค็ม กลมกล่อม หอมกลิ่นกระเทียม
โดยถุง 1,000 กรัม สามารถคลุกไก่ทอดกรอบได้ถึง 6 กิโลกรัมเลย และยังสามารถนำไปทำมาม่าเกาหลีได้อีกด้วย ช่วยลดเวลาในการเตรียมวัตถุดิบ สูตรคงที่ได้มาตรฐาน มีรสชาติหลากหลายให้เลือก
ประเด็นที่ 2 การบริหารคนนับเป็นเรื่องยากอีกหนึ่งเรื่องที่เจ้าของธุรกิจต้องเจอ
นอกจากจะมีร้านขายไก่ทอดเกาหลีที่ตอบโจทย์กับกลุ่มเป้าหมายแล้ว อีกสิ่งที่เป็นองค์ประกอบสำคัญในร้านอาหาร คือ พนักงาน จากประสบการณ์หลายคนที่เคยอยู่ในฐานะลูกค้า ต้องเคยเจอพนักงานบริการไม่ดี พูดจาไม่เพราะ หน้าบึ้ง แต่งตัวไม่เรียบร้อย ในฐานะลูกค้าก็ไม่อยากไปใช้บริการร้านอาหารนั้นซ้ำ ซึ่งจะส่งผลเสียต่อร้านขายไก่ทอดเกาหลี ในระยะยาวโอกาสเติบโตของร้านก็เป็นเรื่องที่ยากขึ้น ดังนั้น การบริหารคนเป็นเรื่องสำคัญ
การจะบริหารคนให้ได้ผลลัพธ์ที่ต้องการนั้นต้องอาศัย กฎระเบียบ แผนปฏิบัติงาน เพื่อจะดึงทักษะความสามารถของพนักงานออกมาได้อย่างเต็มที่
กฎระเบียบที่เป็นธรรม กฎระเบียบที่ดีจะต้องทำให้ผู้ปฏิบัติสามารถอยู่ร่วมกันได้อย่างมีความสุข ลดปัญหาขัดแย้ง ซึ่งอาจจะสอดคล้องกับกฏหมายแรงงานที่กำหนดก็เป็นได้ คือ
- . งานทั่วไป เวลาทำงานต่อวัน ไม่เกิน 8 ชั่วโมง หรือต่อสัปดาห์ ไม่เกิน 48 ชั่วโมง ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับการตกลงด้วย
- สามารถทำงานติดกัน ไม่เกิน 5 ชั่วโมง และพักไม่น้อยกว่า 1 ชั่วโมง สามารถแบ่งพักเป็นช่วงได้ แต่ต้องไม่น้อยกว่า 1 ชั่วโมง
- ลาพักร้อน หากทำงานเกิน 1 ปี ลาได้ 6 วันขึ้นไป และสามารถสะสมในปีถัดไปได้ ลาป่วย ต้องลาตามจริง และยังคงได้รับค่าจ้างไม่เกิน 30 วัน ลากิจ ลาได้ 3 วันขึ้นไป แต่จะได้รับค่าจ้างไม่เกิน 3 วัน เป็นต้น
อีกทั้งยังมีข้อระเบียบที่ลูกจ้างควรได้รู้ และนายจ้างต้องชี้แจง อย่างสวัสดิการที่ลูกจ้างจะได้รับ สิทธิและรายละเอียดในการลา บทลงโทษเมื่อทำผิด เช่น การหักเงิน และการลาออกของลูกจ้างที่ต้องแจ้งล่วงหน้า และเช่นเดียวกันหากมีการเลิกจ้าง นายจ้างก็ต้องแจ้งล่วงหน้า

ลักษณะและขอบเขตการทำงานของแต่ละตำแหน่ง พนักงงานในแต่ละตำแหน่งล้วนต้องมีทักษะโดดเด่นที่แตกต่างกัน เช่น พนักงานคิดเงินต้องมีความรอบคอบ ถี่ถ้วน พนักงานเสริฟ์ต้องมีใจรักบริหาร ยิ้มแย้มแจ่มใส และในแต่ละตำแหน่งงาน ควรจะมีรายละเอียดพื้นฐานตั้งแต่การรับสมัคร อีกทั้งต้องบอกขอบเขต หน้าที่ การทำงานของแต่ละตำแหน่ง เพื่อไม่ให้เกิดความสับสนของพนักงาน และลดการขัดแย้งภายในร้าน
S.O.P. จะเป็นแนวทางในการทำงาน พนักงานสามารถปฏิบัติงานได้ตามมาตรฐาน ก็ต้องมี S.O.P. ที่จะทำให้ทราบแนวทางการการทำงาน ต้องเริ่มจากอะไรและจบที่อะไร โดย S.O.P. ต้องมีทั้งงานส่วนหลังบ้าน และหน้าบ้าน การรับมือปัญหาต่างๆที่เกิดขึ้น ซึ่งจะทำให้การทำงานภายในร้านเป็นระบบที่ดี
สังคมการทำงานดีทำให้อยากมาทำงาน คงไม่มีใครอยากได้สังคมการทำงานที่เป็นพิษ และสิ่งที่เจ้าของร้านสามารถทำได้โดยไม่ต้องเสียอะไรไปเลยคือคำชื่นชมที่มาจากใจจริง และกำลังใจในวันที่มีปัญหา นอกจากนี้ในการพูดปกติเวลาทำงาน ควรจะพูดด้วยถ้อยคำที่น่าฟัง ไม่กดดัน เสียดสี ดูถูก หรือทำให้พนักงานรู้สึกไม่ดี หากเป็นสิ่งที่พนักงานทำผิดต้องตักเตือน ก็ควรพูดอย่างมีเหตุผล ใจเย็น และรับฟังความคิดเห็นของพนักงานด้วยเช่นกัน
การรับฟังความคิดเห็นของพนักงาน และนำมาปรับปรุงแก้ไข จะทำให้พนักงานรู้สึกถึงการมีส่วนร่วมในการจัดการร้าน และรู้สึกว่าตนมีบทบาทสำคัญภายในร้าน ซึ่งนั่นเป็นสิ่งที่ดีทำให้เกิดความภักดีต่อร้าน พนักงานสามารถทำงานได้เต็มที่มากยิ่งขึ้น และต้องไม่ลืมความเท่าเทียมในการดูแลพนักงาน ไม่แสดงความชอบ ชื่นชม ยินดี จนทำให้พนักงานที่ไม่ได้รับความชอบรู้สึกแย่ หรือตำหนิพนักงานบางคนต่อหน้าหลายคน ซึ่งหากมีปัญหาก็ควรเรียกมาคุยส่วนตัวจะดีมากกว่า
ขั้นเงินเดือนต้องชัดเจน หากพนักงงานคุยกันเรื่องเงินเดือน และทำให้รู้ว่าแต่ละคนได้เงินเดือนเท่าไหร่ จะเกิดความขุ่นเคืองในใจพนักงาน เช่น พนักงานใหม่ที่มาในตำแหน่งเดียวกัน ได้เงินเดือนมากกว่าพนักงานเก่า อาจทำให้พนักงานเก่าลดประสิทธิภาพการทำงานของตน ดังนั้นควรระบุให้ชัดเจน ว่าแต่ละตำแหน่งเงินเดือนเริ่มต้นและสูงสุดเท่าใด และมีเงื่อนไขในแต่ละช่วงเงินเดือนของแต่ละตำแหน่ง การปรับเพิ่มเงินเดือนตามผลงาน หรือจะเป็นการเลื่อนตำแหน่งก็ตาม ต้องมีเหตุผลรองรับเสมอ

ประเด็นที่ 3 วางแผนการเงินให้รอบคอบ
ธุรกิจจะเดินต่อได้หากมีกำไร แต่การจะควบคุมต้นทุนให้อยู่ ไม่บานปลาย เป็นสิ่งที่ต้องรู้ เพราะหากแก้ไขไม่ทัน หรือไม่ปรับเปลี่ยน อาจจะต้องปิดร้านพร้อมกับหนี้สินที่ต้องชดใช้ต่อได้เลย
- ขายยังไงให้ยังได้กำไรเต็มเม็ดเต็มหน่วย
เคยสงสัยกันไหม ว่าจะตั้งราคาขายยังไงให้ได้กำไร และยังสมเหตุสมผล ซึ่งการตั้งราคาขายมีหลายวิธีมาก แต่ในธุรกิจร้านอาหาร นิยมตั้งราคาตามกลุ่มเป้าหมายที่ร้านจะขาย หากขายนักเรียนนักศึกษาก็จะมีช่วงราคาที่เหมาะสม ขายคนทำงานในเมืองวัยกลางคนก็จะมีราคาสูงขึ้นมา ขึ้นอยู่กับสถานที่ตั้งของร้านขายไก่ทอดเกาหลีและกลุ่มลูกค้า คู่แข่งทางการตลาดด้วย โดยประเภทของร้านขายไก่ทอดเกาหลีก็มีผลต่อราคาขายด้วย หากเปิดเป็นร้านมีโต๊ะนั่ง บริการห้องแอร์ ผ่านการตกแต่งมาอย่างดี ต้นทุนอาหารไม่ควรจะเกิน 15-25 เปอร์เซ็นต์ของราคาขาย หรือหากขายแบบสตรีทฟู้ดส์ ต้นทุนอาหารควรอยู่ที่ 35-50 เปอร์เซ็นต์ของราคาขาย โดยการกำหนดเปอร์เซ็นต์แบบนี้จะทำให้เจ้าของธุรกิจเห็นภาพรวมได้ง่ายขึ้น และจะจัดสรรวัตถุดิบต่างๆให้อยู่ในความเหมาะสม โดยทางแบรนด์เพียวฟู้ดส์ มีผลิตภัณฑ์ซอสเคลือบไก่สำเร็จรูป รสชาติต่างๆให้เลือก ช่วยเพิ่มความสะดวกทั้งการคำนวณต้นทุน การเตรียมวัตถุดิบ และยังให้รสชาติที่ถูกปากคนไทยอีกด้วย
การจัดโปรโมชั่นก็เป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยเพิ่มยอดขาย สร้างกำไร เช่น การจัดเซตเมนูไก่ทอดเกาหลีกับเครื่องดื่ม เมื่อนำมาขายคู่กันในราคาที่ถูกกว่าขายแยกกัน แต่ลูกค้าจะรู้สึกว่าคุ้มค่าเพราะได้ทั้งไก่ทอดเกาหลีและเครื่องดื่ม ก็จะเพิ่มโอกาสในการซื้อมากยิ่งขึ้น ทั้งนี้โปรโมชั่นอาจจะมาจากกระแส ความนิยมในปัจจุบัน ซึ่งจะต้องสอดคล้องกับกลุ่มเป้าหมายของเราด้วย ก็จะช่วยเพิ่มยอดขายได้เช่นกัน - ควบคุมต้นทุนไม่บานปลาย ทุกอย่างภายในร้านล้วนเป็นต้นทุน แม้กระทั่งเวลา โดยการทำบัญชีประจำวัน จะทำให้เห็นปัญหาที่เกิดขึ้นจากการจัดการวัตถุดิบได้ เช่น การสต๊อกที่มากเกิน วัตถุดิบที่เหลือทิ้งเยอะเกิน ดังนั้นต้องมีการคาดการณ์ที่ดูจากยอดขายประจำวัน เพื่อจำกัดจำนวนการสต๊อกของ ทั้งหมดล้วนเป็นต้นทุน ค่าน้ำค่าไฟ หากมีการประหยัด เช่น เริ่มเปิดแอร์ภายในร้านกี่โมงถึงกี่โมง มีการปิดไฟเมื่อไม่ได้ใช้งาน สิ่งเล็กๆน้อยๆเหล่านี้จะช่วยให้ต้นทุนคงที่มากขึ้น
- จำนวนพนักงานพอดี วางแผนจำนวนพนักงานให้เหมาะสมกับปริมาณงาน โดยหากเป็นร้านขายไก่ทอดเกาหลี สามารถรับลูกค้าได้ 30 โต๊ะ ก็ต้องวางแผนว่าควรจะมีพนักงานแต่ละตำแหน่งกี่คน ในบางตำแหน่งอาจทำงานควบกันไปได้ เช่นพนักงานต้อนรับ กับรับออเดอร์ หรือตามความเหมาะสมของแต่ละร้าน ซึ่งจำนวนคนที่มากเกินไปจะเพิ่มต้นทุนโดยไม่จำเป็น
- รู้จักกระแสเงินสด กระแสเงินสด คือ จำนวนเงินที่เหลือจากการหักค่าใช้จ่ายประจำวัน หรือสัปดาห์ เมื่อเกิดเหตุฉุกเฉิน เช่น ตู้เย็นเสีย เตาพัง วัตถุดิบหมด แต่ภายในร้านไม่มีเงินสำรองเลย ก็จะส่งผลกระทบโดยตรงต่อธุรกิจ ทำให้ไม่สามารถดำเนินต่อได้ชั่วคราว แต่รายจ่ายยังคงเท่าเดิม หรือมากขึ้น ดังนั้นจึงควรจัดสรรงบประมาณให้เหมาะสม เช่น ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าพนักงาน ค่าเช่าที่ รายจ่ายเหล่านี้เป็นต้นทุนคงที่ต้องเก็บไว้ทุกๆเดือน และอย่าลืมสำรองเงินไว้ในยามฉุกเฉินอีกด้วย
สรุป
การเปิดร้านขายไก่ทอดเกาหลี จำเป็นต้องมีความพร้อมในหลายด้าน โดยเฉพาะสิ่งจำเป็นพื้นฐานในประเด็กแรก ทั้ง 7 ข้อ ได้แก่ 1. รสชาติอาหารอร่อย คงที่ และตรงปก 2. มีความแตกต่างจากร้านอื่น 3. การตกแต่งดีมีชัยไปกว่าครึ่ง 4. แผนธุรกิจต้องชัดเจน 5. ทำเลที่เหมาะสม 6. แหล่งวัตถุดิบได้คุณภาพ 7. ความหลากหลายทำให้ลูกค้ามีทางเลือก ทั้ง 7 ข้อนี้เป็นสิ่งที่ทุกร้านอาหารควรจะต้องมีและรักษาไว้ แต่ก็ยังปัจจัยอื่นๆ ที่ต้องคำนึงถึงไม่ว่าจะเป็นการวางแผนด้านเงิน การวางแผนธุรกิจ ระบบต่างๆในร้านขายไก่ทอดเกาหลี กฎหมายแรงงานขึ้นพื้นฐาน อีกทั้งความรู้ด้านการเงินที่จะช่วยให้ธุรกิจอาหารราบรื่นยิ่งขึ้น ทั้งหมดนี้หากทำความเข้าใจอย่างดี รับรองว่าสามารถเปิดร้านขายไก่ทอดเกาหลีได้แน่นอนค่ะ
หรือหากใครอยากลองขายไก่ทอดเกาหลีแต่ยังไม่มีสูตร ก็ขอแนะนำซอสเคลือบไก่สำเร็จรูป ตราเพียวฟู้ดส์ รสชาติถูกใจคนไทย ได้มาตรฐาน ราคาดี โดย 1 ถุง น้ำหนัก 1,000 กรัม สามารถเคลือบไก่ทอดได้ 6 กิโลกรัม อีกทั้งยังมีรสชาติให้เลือกถึง 5 รสชาติ ได่แก่ สูตรพริกเกาหลี - ให้รสชาติหวานนำ เผ็ดตาม หอมพริกเกาหลีและโคชูจัง สูตรฮอตแอนด์สไปซี่ – มีรสเผ็ดระดับกลาง หวานตาม มีเค็มนิดๆ เข้ากันสุดๆ สูตรเผ็ดคูณสอง - มีรสเผ็ดมาก ถูกใจคนกินเผ็ดแน่นอน ตามด้วยรสหวาน เค็มเล็กน้อย สูตรบาร์บีคิว - ให้รสหวาน หอมกลิ่นรมควันสไตล์บาร์บีคิว และสุดท้ายสูตรกระเทียม - มีรสหวานเค็ม กลมกล่อม หอมกลิ่นกระเทียม เป็นรสชาติที่ทานได้ทุกเพศทุกวัย